วันนี้ (19 ต.ค.2565) นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ พาผู้ประกอบการที่อ้างว่า ได้รับความเสียหายจากการขายบ้านพักทหาร ในโครงการกู้ซื้อบ้านสวัสดิการกองทัพบก เข้ายื่นหนังสือต่อกระทรวงกลาโหม ในฐานะหน่วยกำกับดูแลกองทัพบก
หลังจากเมื่อวานนี้ (18 ต.ค.65) กองทัพบกได้ชี้แจงถึงผลการสอบสวนและการลงโทษงดบำเหน็จประจำปี-ปรับย้ายทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกจากตำแหน่ง พร้อมทั้งระงับโครงการกู้เงินออมทรัพย์เพื่อการเคหะสงเคราะห์ตั้งแต่ปี 2564
นายไพศาล ระบุว่า แม้กองทัพบกจะอ้างถึงการลงโทษตามระเบียบไปแล้ว แต่พบข้อมูลว่า ทหารที่เกี่ยวข้องกว่า 20 คน ได้รับการเลื่อนยศ และตำแหน่ง บางคนขยับเป็นนายพล จึงเป็นที่น่าสงสัยว่า การลงโทษเหมาะสมเพียงพอหรือไม่
พร้อมย้ำว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นทางสังคมที่ต้องถามกลับไปที่กองทัพบก แม้ทางกองทัพบกระบุว่า เป็นเรื่องส่วนบุคคลและอยู่ในขั้นตอนของศาลก็ตาม เพราะความเสียหายได้เกิดขึ้นกับกำลังพลที่ซื้อบ้าน ซึ่งถูกหักเปอร์เซ็นต์ไปกว่า 100 นาย คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 30-40 ล้านบาท จึงไม่อยากให้เกิดเป็นชนวนปัญหาซ้ำรอยเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา เมื่อปี 2563
ดังนั้น จึงต้องการทวงถามความรับผิดชอบจากกองทัพบก ในการเยียวยาผู้ประกอบการ และกำลังพลที่ได้รับความเสียหาย และเมื่อกองทัพบกให้ความชัดเจนไม่ได้ จึงต้องมาที่กระทรวงกลาโหม
ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีจุดเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมาเมื่อปี 2563 แต่กองทัพบกกลับชี้แจงว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
หลังจากนี้ทางทีมทนายจะพาผู้เสียหายไปแจ้งความว่า เข้าข่ายการเรียกรับสินบนในขณะดำรงตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือไม่ เพื่อให้กองทัพบกแสดงความรับผิดชอบเยียวยาทางผู้ประกอบการและกำลังพลชั้นผู้น้อยประมาณ 100 กว่าคน
นายไพศาล ยังระบุว่า ขณะนี้มีข้อมูลเพิ่มขึ้น โดยล่าสุดมีบุคคลอ้างว่าเป็นทหารกู้ซื้อบ้านตามโครงการสวัสดิการของกองทัพบกที่ จ.นครราชสีมา ผ่อนมา 10 ปี แต่ปรากฏว่าเป็นที่ สปก.ซึ่งกองทัพบกตั้งคณะกรรมการตรวจสอบตั้งแต่ต้นปีจนมาถึงขณะนี้ยังไม่มีความคืบหน้า อีกกรณีหนึ่งอยู่ภาคใต้ ร้องเรียนมาว่าถูกโกง หักค่าหัวคิวจำนวนมาก