ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ศรีสุวรรณ" ยื่น กกต.สอบปมนายทุนจีนบริจาคเงินให้ พปชร.

การเมือง
28 ต.ค. 65
14:38
341
Logo Thai PBS
"ศรีสุวรรณ" ยื่น กกต.สอบปมนายทุนจีนบริจาคเงินให้ พปชร.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ศรีสุวรรณ จรรยา" ยื่น กกต.สอบสัญชาติของ "ชัยณัฐร์" นายทุนจีนบริจาคเงิน 3 ล้านให้พรรคพลังประชารัฐ พร้อมให้ตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวขัดต่อกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่

วันนี้ (28 ต.ค.2565) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือถึง กกต.ขอให้สอบข้อเท็จจริง กรณีพรรคพลังประชารัฐ รับเงินบริจาคเมื่อปี 2564 จากนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ วงเงิน 3 ล้านบาท ว่า เป็นการกระทำที่เข้าข่ายขัดต่อกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 44 มาตรา 72 และมาตรา 74 หรือไม่ ซึ่งหากเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวก็ขอให้ กกต. พิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคพลังประชารัฐตามมาตรา 92 (3) ของรัฐธรรมนูญปี 2560

โดยมาตรา 44 สาระสำคัญกำหนดไว้ว่าห้ามพรรคการเมืองไปรับประโยชน์ จากกลุ่มบุคคลที่ให้การสนับสนุนการทำลายความมั่นคงการทำลายเศรษฐกิจของชาติ และการทำลายระบบราชการของชาติ และยังกำหนดไว้ในการห้ามรับเงินจากบุคคลที่ไม่ได้ถือสัญชาติไทย

ส่วนมาตรา 72 สาระสำคัญกำหนดว่าห้ามพรรคการเมืองไปรับเงินสนับสนุนหรือรู้ว่าเงินที่มาสนับสนุนนั้นมีที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย ซึ่งประเด็นเหล่านี้ต่างเกี่ยวพันกับตัวบุคคล ที่มีการแปลงหรือโอนสัญชาติมาเป็นสัญชาติไทย แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าผู้บริจาคนั้นยังถือ 2 สัญชาติอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะกรณีที่ตำรวจไปบุกจับผับดังที่เปิดโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีการพบยาเสพติด เข้าข่ายเป็นการกระทำผิดต่อศีลทำอันดีและจารีตประเพณีและความมั่นคงของประเทศด้วย

ขณะเดียวกันยังได้อ้างอิงเหตุการณ์ที่ตำรวจบุกจับสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านยานนาวา และนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มนายทุนชาวจีน ที่มีการพาดพิงถึงบุคคลยื่นบริจาคเงินให้กับพรรคพลังประชารัฐ ประกอบกับนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐยอมรับข้อเท็จจริงในการรับบริจาคเงิน จากบุคคลที่ปรากฏเป็นข่าว

ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสงสัยว่า นายชัยณัฐร์ ที่เคยมีสัญชาติจีน และได้รับสัญชาติไทยในปี 2557 และมีบัตรประชาชนเป็นคนไทย แต่นายชัยณัฐร์ เป็นนักธุรกิจที่ประกอบกิจการและมีบริษัทในเครือและหลาย 10 บริษัท ซึ่งเป็นที่สงสัยว่าการแปลงสัญชาติไทย ได้มีการสละสัญชาติจีนด้วยหรือไม่ หรือเป็นการถือ 2 สัญชาติ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง

นอกจากนี้ ขอให้ตรวจสอบว่า 10 บริษัทของผู้บริจาคนั้นมีนอมินีเข้ามาถือหุ้นเกินไปกว่าที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ เนื่องจากมีข้อห้ามในกฎหมายพรรคการเมืองกำหนดไว้ หากมีชาวต่างชาติถือหุ้นเกินกว่าที่กำหนดไว้ก็จะกลายเป็นบริษัทต่างด้าว และชี้ว่าไม่เพียงแค่ตรวจสอบพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แต่จะต้องตรวจสอบพรรคการเมืองอื่นด้วยที่มีการบริจาคในลักษณะเดียวกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง