วันนี้ (16 พ.ย.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธกว่า 100 ลูก โจมตีหลายพื้นที่ของยูเครน ส่งผลให้ประชาชนในกรุงเคียฟไม่มีไฟฟ้าใช้ในเวลากลางคืน
การโจมตีของรัสเซียเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ร่วมการประชุม G20 ผ่านระบบทางไกล โดยเรียกร้องให้สมาชิกอีก 18 ประเทศและสหภาพยุโรป ร่วมกันหยุดยั้งการทำสงครามทำลายล้างของรัสเซีย
การกล่าวสุนทรพจน์ของผู้นำยูเครนเกิดขึ้นในขณะที่ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย นั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย โดยรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระบุว่า ผู้นำยูเครนเป็นฝ่ายทำให้สงครามยืดเยื้อ เนื่องจากไม่ยอมเปิดการเจรจายุติสงคราม
ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซีย ส่งแรงกระเพื่อมถึงเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย หลังจากสื่อรายงานว่าขีปนาวุธรัสเซียไปตกในดินแดนโปแลนด์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียโต้กลับว่า รายงานดังกล่าวไม่เป็นความจริงและเป็นความพยายามสร้างความขัดแย้ง
ด้านสหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา อิตาลี เยอรมนี ฝรั่งเศสและญี่ปุ่น ในนามของกลุ่ม G7 จัดการประชุมฉุกเฉินในประเด็นนี้ทันที เนื่องจากผู้นำชาติมหาอำนาจในกลุ่ม G7 และผู้นำสหภาพยุโรปยังพักที่บาหลี เพื่อเข้าร่วมการประชุม G20 ในวันนี้ (16 พ.ย.) เป็นวันสุดท้าย
หากขีปนาวุธของรัสเซียไปตกในดินแดนของโปแลนด์จริง อาจทำให้ความขัดแย้งในทวีปยุโรปทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะโปแลนด์เป็นสมาชิกขององค์การนาโต และอาจนำไปสู่การใช้มาตรา 5 ตามสนธิสัญญานาโตในการตอบโต้
มาตรา 5 กำหนดว่า ประเทศสมาชิกทุกประเทศจะต้องให้ความช่วยเหลือ หากสมาชิกชาติใดชาติหนึ่งถูกโจมตี
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า ขีปนาวุธที่ไปตกในดินแดนของโปแลนด์ ไม่น่าจะถูกยิงมาจากรัสเซีย ด้านผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษานานาชาติ มองว่า การโจมตียูเครนครั้งล่าสุดเป็นการส่งสารถึงที่ประชุม G20 ที่อินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาว่าการโจมตียูเครนครั้งล่าสุด จะทำให้ชาติสมาชิก G20 เห็นพ้องในการออกแถลงการณ์ร่วมประณามการรุกรานยูเครนของรัสเซียได้จริงหรือไม่
อ่านข่าวอื่นๆ