ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ประจำวันเสาร์ที่ 26 พ.ย.2565 มีการแข่งขันทั้งหมด 4 คู่ โดยเป็นเกมนัดที่ 2 ของกลุ่ม ซี และ ดี
กลุ่มซี อาร์เจนตินา พลิกล็อกแพ้ ซาอุดิอาระเบีย มาในเกมเเรก 1-2 พบ เม็กซิโก ที่เสมอ โปแลนด์มา 0-0 เเละเป็น อาร์เจนตินา ที่ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาที 64 จากจังหวะที่ อังเคล ดิมาเรีย จ่ายให้ ลีโอเนล เมสซี ยิงเข้าไปอย่างสวยงาม
ก่อนหมดเวลา 3 นาที จากจังหวะเตะมุมสั้น เเละเป็นเมสซีที่จ่ายบอลให้ เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ ปั่นบอลเข้าไปเป็นประตูย้ำชัยเหนือ เม็กซิโก 2-0 เก็บ 3 เเต้มเเรกได้สำเร็จ โดยประตูของเมสซีในเกมนี้ทำให้เขายิงในบอลโลกไปแล้ว 8 ลูกเทียบเท่า ดีเอโก้ มาราโดนา เเละคริสเตียโน โรนัลโด
เมสซี ระบุว่า นักเตะอาร์เจตินาจะเล่นแบบชิล ๆ ไม่ได้เเล้ว เพราะทุกเกมในบอลโลกหลังจากนี้เปรียบเสมือนการเล่นเกมนัดชิงชนะเลิศจะพลาดไม่ได้
สำหรับฟุตบอลโลกเป็นทัวร์นาเมนต์เมเจอร์รายการเดียวที่เมสซียังไม่เคยทำได้ หลังจากเพิ่งคว้าเเชมป์โคปา อเมริกา 2021 มาครองเป็นสมัยเเรก
ซาอุฯ พลาดโทษ เเพ้ โปแลนด์ 0-2
อีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน ซาอุดีอาระเบีย พบ โปแลนด์ ก่อนเกม โมฮัมเหม็ด อัล-โอไวส์ ผู้รักษาประตูซาอุฯ ได้ชูเสื้อของ ยัสเซอร์ อัล-ชาห์รานี่ กองหลังที่บาดเจ็บหนักจากการปะทะกันเองกับ อัล-โอไวส์ ในเกมเเรก และเป็น โปแลนด์ ที่ขึ้นนำ 1-0 จาก พิโอเตอร์ เซลินสกี นาที 39
ช่วงทดเจ็บครึ่งเเรก ซาอุฯ มีลุ้นตีเสมอหลังได้จุดโทษจากจังหวะที่ คริสเตียน เบียลิค ทำฟาล์วนักเตะซาอุฯ แต่ว่า ซาเลม อัล ดอฟซารี่ กัปตันทีม ยิงจุดโทษไปติดเซฟของ วอยเซียค เชสนี่ย์ เเละอัล บูเรียค ตามซ้ำจ่อ ๆ เเต่ก็ไม่ผ่านมือเชสนี่
ครึ่งหลัง โปเเลนด์ กับ ซาอุฯ มีโอกาสยิงหลายครั้ง เเต่ว่าในนาที 82 จากจังหวะความผิดพลาดของ อัลมากี้ ทำให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ฉกบอลเข้ายิงให้ โปแลนด์ ย้ำชัยเหนือ ซาอุ 2-0 เเละนับเป็นประตูแรกในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย จนถึงกับหลั่งน้ำตาหลังจากทำประตูได้
สำหรับกลุ่มซี เเข่งจบไป 2 เกม โปแลนด์ นำจ่าฝูงมี 4 คะแนน, อันดับ 2 อาร์เจนตินา 3 คะเเนนเท่ากับซาอุดีอาระเบีย เเต่มีผลต่างประตูดีกว่า ส่วน เม็กซิโก มี 1 เเต้ม อยู่อันดับสุดท้าย ซึ่งทั้ง 4 ทีมยังต้องลุ้นเข้ารอบในนัดสุดท้าย โดยโปแลนด์ จะพบ อาร์เจนติน่า และ ซาอุดีอาระเบีย จะพบ เม็กซิโก ในคืนวันพุธหน้า เเข่งพร้อมกันในเวลา 02.00 น.
"เอ็มปัปเป" เหมา 2 ฝรั่งเศส 2-1 เดนมาร์ก
กลุ่มดี เเชมป์โลก ฝรั่งเศส ที่ชนะ ออสเตรเลีย มา 4-1 ในเกมเเรก พบ ตูนิเซีย ที่เสมอ เดนมาร์ก 0-0 เกมนี้มาสนุกในครึ่งหลัง ในนาที 61 เมื่อ เตโอ เเอร์กนองเดซ ทำชิ่งกับ คีลิยัน เอ็ปปัปเป้ ก่อนที่ เอ็มปัปเป้ จะยิงให้ ฝรั่งเศส ขึ้นนำ 1-0
ถัดมาเพียง 7 นาที จากจังหวะเตะมุม อีริคเซน เปิดบอลให้ โยอาคิม เเอนเดอร์เซน โหม่งให้เดนมาร์ก ตามตีเสมอ 1-1
เเต่ในนาที 86 กรีซมันน์ เปิดบอลให้ เอ็มปัปเป้ ชาร์จให้ ฝรั่งเศส เเซงนำ 2-1 เเละเป็นประตูชัยช่วยให้เเชมป์เก่าเก็บได้ 6 แต้มเต็ม ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นทีมเเรกเเน่นอนเเล้ว ทำให้ เอ็มปัปเป้ ยิงไปเเล้ว 7 ประตู จาก 9 เกมในบอลโลกรอบสุดท้าย แซงหน้า อองรี ที่ทำไป 6 ลูกจาก 17 เกม
ออสเตรเลีย 1-0 ตูนิเซีย ชนะเกมแรกในรอบ 12 ปี
อีกคู่ในกลุ่มดี ออสเตรเลีย พบ ตูนีเซีย เกมนี้มีเพียงประตูเดียว เเละเป็น มิทเชลล์ ดุ๊ค กองหน้าจาก ฟาเกียโน โอกายาม่า จากเจลีกทู ที่ทำได้ในนาทีที่ 23 ช่วยให้ ออสเตรเลีย เฉือนชนะ ตูนีเซีย 1-0 ทำให้ ออสเตรเลีย เก็บชัยชนะในฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี
สำหรับชัยชนะนัดหลังสุดต้องย้อนไปฟุตบอลโลกปี 2010 ที่ออสเตรเลีย ชนะ เซอร์เบีย และเป็นการหยุดสถิติไม่ชนะ 7 นัดติดต่อกันในบอลโลกของ ออสเตรเลีย ที่สำคัญยังเป็นการเก็บคลีนชีตได้เป็นครั้งเเรกในบอลโลกรอบ 48 ปี นับตั้งเเต่เสมอ ชิลี 0-0 เมื่อปี 1974
เเข่งจบไปเเล้ว 2 เกม ในกลุ่มดี ฝรั่งเศส มี 6 เเต้มการันตีเข้ารอบเป็นทีมเเรก, อันดับ 2 ออสเตรเลีย มี 3 เเต้ม, อันดับ 3 เดนมาร์ก มี 1 เเต้มเท่ากับ ตูนิเซีย โดยนัดสุดท้ายของกลุ่มดี ฝรั่งเศส พบ ตูนิเซีย เเละ เดนมาร์ก พบ ออสเตรเลีย ทั้งคู่จะเเข่งพร้อมกันในวันพุธหน้า เวลา 22.00 น.