นายสุชาติ ชี้แจงว่า เป็นเพียงใช้มือเคาะไปที่หัว เป็นการสัพยอก ไม่ได้รุนแรงอะไร เหตุเพราะช่วงหลัง ๆ ได้ยินว่า ส.จ.เปี๊ยก ซึ่งเคยเป็นลูกน้องคนสนิทคนหนึ่ง ชอบพูดจาว่าร้าย ทั้งย้ำว่าปกติ เมื่อนายวรรณามาหาจะแสดงความเคารพด้วยการกราบที่ตักเพราะตนเคยช่วยชีวิตเอาไว้ เมื่อครั้งถูกยิงปางตาย และยังดูแลครอบครัวของ ส.จ.เปี๊ยก ที่มีหลายบ้านเป็นอย่างดี ถามกลับด้วยว่า การแจ้งความเอาผิดกับผู้มีบุญคุณ เข้าลักษณะที่ชาวบ้านเรียกว่าเนรคุณหรือไม่
ขณะที่ ส.จ.เปี๊ยกตอบโต้กลับแบบร่ายยาวว่า เป็นหัวคะแนนที่อยู่เบื้องหลังการเป็น ส.ส.ผูกขาดของนายสุชาติมาตลอด 30 ปี เข้มแข็งชนิดที่ไม่เคยมีใครโค่นนายสุชาติลงได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยลงพื้นที่แต่ตนทำงานให้ตลอด แล้วจะว่าตนเนรคุณได้อย่างไร การถูกลอบยิงก็เพราะปกป้องตระกูลนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส.จ.เปี๊ยกทราบดีที่สุดว่า เป็นการ "ตบกะโหลก" หรือ "เคาะหัวทักทาย" การจบเรื่องเบื้องต้นโดยไปแจ้ความดำเนินคดีกับนายสุชาติ จึงเป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้น มาจากสาเหตุสำคัญ 2 เรื่อง คือ 1.ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นเปลี่ยนแปลงไปแล้ว โยงทั้งการเมืองระดับชาติและระดับท้องถิ่น และ 2.การไม่เกียรติและรู้สึกเสียหน้า ดังคำพูดของ ส.จ.เปี๊ยกที่ว่า เขาเดินเข้ามาตบกบาลผมต่อหน้าคนจำนวนมากแทนที่จะเรียกคุยเป็นการส่วนตัว
สะท้อนนัยความจริงประการหนึ่ง คือ การเมืองในฉะเชิงเทรา ทั้งระดับชาติและท้องถิ่น แข่งขันเข้มข้นอย่างรุนแรงแต่ไหนแต่ไร มีหลายตระกูลแย่งชิงกันมาตลอด
ทั้งตระกูลฉายแสง ตั้งแต่สมัยนายอนันต์ ฉายแสง พ่อของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ในการเลือกตั้งเดือน มี.ค.62 ตระกูลนี้หายไปสาระบบการเมืองระดับชาติ เพราะพรรคที่ลงสมัคร คือ ไทยรักษาชาติ ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค
ขณะที่ตระกูลตันเจริญของนายสุชาติ ก็มีบทบาทมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อคือนายวิเชียร ตันเจริญ และพี่ชาย นายพิเชษฐ์ ตันเจริญ
นอกจากนี้ ยังมีตระกูลศิริลัทธยากร ของนายอิทธิ ศิริลัทยากร ที่ปัจจุบันลูกชาย นายอรรถกร เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เช่นกัน
ขณะที่การเมืองท้องถิ่นก็ไม่ธรรมดา ตระกูลการเมืองใหญ่ในจังหวัด ต่างแบ่งข้างสนับสนุนคนในสายของตนยึดครองพื้นที่และเป็นฐานทางการเมืองให้
ล่าสุดเลือกตั้ง อบจ.และ ส.อบจ.ปี 63 นายกิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ จากกลุ่มแปดริ้วโฉมใหม่ คว้าเก้าอี้นายกอบจ.เป็นสมัยที่ 4 เอาชนะกลุ่มฉะเชิงเทราก้าวหน้า ที่ตระกูลฉายแสง สนับสนุนแบบขาดลอย
นายกิตติ หรือนายกฯไก่ คือ คนเดียวกับที่ ส.จ.เปี๊ยกอ้างว่า ตนเป็นคนพาเข้าบ้านตันเจริญในช่วงหลัง ๆ แต่กลับไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น
ด้านหนึ่งอาจเป็นเพราะนายกิตติ ยังเป็นพ่อของนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ หรือ สจ.ต้อย แปดริ้ว หัวหน้าค่ายมวย ส.จ.ต้อยแปดริ้ว และเป็นอดีตโปรโมเตอร์มวยไทย "ศึก ต.ชัยวัฒน์" แห่งเวทีราชดำเนิน ปัจจุบัน เป็น ส.ส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ
สจ.ต้อย เคยมีบทบาท เป็นโต้โผใหญ่ที่ออกโรงขับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และ "4 กุมาร" ออกจากรัฐมนตรี เมื่อครั้งเคยร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ และ 4 กุมาร คือผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ นั่นเอง
เป็นความซับซ้อนหลายปมเงื่อนในสนามการเมืองจังหวัดฉะเชิงเทราว่าเกี่ยวโยงกันไปหมด แต่ส่วนหนึ่งได้นำไปสู่เรื่องคดีความที่เกิดขึ้น ขณะที่ความขัดแย้ง ไม่ลงรอย หรือแม้แต่การแยกตัวของกลุ่มการเมืองท้องถิ่น มีเกิดขึ้นให้เห็นเด่นชัดในหลายจังหวัด แม้แต่จังหวัดที่มีบ้านใหญ่ จากในอดีตมักชี้นิ้วสั่งการอะไรก็ได้ แต่ขณะนี้ไม่ใช่แล้ว และกำลังถูกท้าทาย ด้วยกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ที่เคยอุ้มชูสนับสนุนซึ่งกันและกัน
จึงถงึเวลาสำคัญที่นักการเมือง และ ส.ส.ระดับชาติ ต้องตรวจสอบเช็กชื่อนักการเมืองท้องถิ่นในฐานเสียงของตนเองใหม่ว่า ยังเหนียวแน่นเช่นเดิมหรือแปรพักตร์ รอย้ายไปพรรคการเมืองอื่น