รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2022 นอกจากจะเข้มข้นในเรื่องการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของฝรั่งเศส และ อาร์เจนตินา อีกหนึ่งไฮไลต์จะเป็นการตัดสินว่าใครจะคว้าตำแหน่งดาวซัลโวไปครอง หลังจาก "เมสซี" กัปตันทีมอาร์เจนตินา วัย 35 ปี และ เอ็มบัปเป ดาวยิงฝรั่งเศส วัย 23 ปี ยิงเท่ากันที่ 5 ประตู โดยเมสซี ทำ 3 แอสซิสต์ และ เอ็มบัปเป ทำไป 2 แอสซิสต์
นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังกวาดรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเป็นกอบเป็นกำ โดยเมสซี คว้าไปแล้ว 4 เกม ส่วน เอ็มบัปเป ทำได้ 3 เกม จากการลงแข่ง 6 เกม
จากผลงานที่สุดยอดของทั้งคู่ทำให้การเผชิญหน้ากันในฐานะคู่แข่งของเมสซี กับ เอ็มบัปเป เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนผ่านฟุตบอลโลกยุคใหม่ หลัง เมสซี และโรนัลโด 2 ตำนานนักเตะกำลังอยู่ในช่วงบั้นปลายการค้าแข้ง โดยมี เอ็มบัปเป ขึ้นมาเป็นว่าที่ตำนานคนต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย
หากนับสถิติในฟุตบอลโลกสะท้อนได้ชัดเจนว่า เอ็มบัปเป ยิงมากถึง 9 ลูก จากการลงเล่นฟุตบอลโลกเพียงแค่ 2 สมัยเท่านั้น และคว้าแชมป์โลกไปแล้ว 1 ครั้ง เมื่อปี 2018
ส่วนเมสซี ผ่านการเล่นฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 5 สมัย ยิงไป 11 ประตู แต่ยังไม่เคยสัมผัสแชมป์โลกได้เลย โดยทำได้ใกล้เคียงสุด คือการคว้ารองแชมป์โลกเมื่อปี 2014 หลังจากพลาดท่าให้เยอรมนีในช่วงต่อเวลาพิเศษ
การทะลุเข้าชิงหนนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการลุ้นคว้าแชมป์โลกสมัยแรกในชีวิต หลังเขากวาดครบทุกแชมป์ในการลงเล่นให้ทีมชาติ รวมถึงในสโมสรอย่าง บาร์เซโลนา และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ซึ่งหากปีนี้ เมสซี คว้าแชมป์โลกได้มีโอกาสที่เขาจะคว้าบัลลงดอร์สมัยที่ 8 มาครอง
ขณะที่ เอ็มบัปเป แม้จะยังไม่เคยสัมผัสกับบัลลงดอร์ แต่หากในคืนวันอาทิตย์นี้ เขานำทีมฝรั่งเศส ป้องกันแชมป์โลกได้ รางวัลเกียรติยศสูงสุดในโลกแห่งฟุตบอล ต้องอยู่ที่อ้อมกอดของ เอ็มบัปเป เป็นครั้งแรกในชีวิตอย่างแน่นอน
สำหรับฟุตบอลโลกจะกลับมาแข่งอีกครั้งในวันเสาร์นี้ โดยโครเอเชีย รองแชมป์เก่า พบ โมร็อกโก ในคืนวันเสาร์นี้ เวลา 22.00 น. และคู่ชิงแชมป์โลก ฝรั่งเศส แชมป์เก่า พบอาร์เจนตินา ในคืนวันอาทิตย์เวลา 22.00 น. เช่นเกัน