จะเรียกว่าโดน “ทัวร์ลง” ก็คงไม่ผิดนัก ทั้งจากผู้คนโดยทั่วไปที่เสียความรู้สึก รับไม่ได้กับเรื่องการยกตนข่มท่าน ดุด่าผู้ใต้บังคับบัญชาแบบไม่ไว้หน้า เป็นการด้อยค่าคนอื่น โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของข้าราชการชั้นผู้น้อย
ขณะที่ข้าราชการโดยทั่วไป ที่ได้ทราบเรื่องหรือได้ชมจากคลิปที่ตัดทอนจากเหตุการณ์ไปตั้งเป็นปุจฉาในโลกโซเชียล มีไม่น้อยที่แอบไม่พอใจในที
ต่อมา ปลัดกระทรวงมหาดไทยออกมาโพสต์ข้อความขอโทษ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อ้างว่า ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นสถาบันการศึกษา และยอมรับว่าเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสม ทั้งอ้างว่าตนเป็นคนพูดจาโผงผางสไตล์ลูกทุ่ง คนในมหาดไทยรู้กันหมด
หากถามว่าเพียงพอหรือไม่ หลายคนน่าจะมีคำตอบในใจอยู่แล้ว เพราะท่านเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นเบอร์ 1 ใหญ่สุดในส่วนของข้าราชการประจำของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งแต่ไหนแต่ไรมา ได้ชื่อว่าเป็นกระทรวงใหญ่ มีบทบาทและความสำคัญมากที่สุดในบรรดากระทรวงต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั้งหมด
นายสุทธิพงศ์ เพิ่งขยับจากอธิบดีกรมพัฒนาชุมชน ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยแทนที่ “บิ๊กฉิ่ง”นายฉัตรชัย พรหมเลิศ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564
หลังจากก่อนหน้านั้นเล็กน้อย มีกระแสข่าวลือสะพัดว่า “บิ๊กฉิ่ง” ซึ่งสนิทสนม และเป็นที่ไว้วางใจของ พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ถึงขั้นได้รับมอบหมายเป็นผู้ขับเคลื่อนตั้งพรรคการเมืองใหม่ รองรับการเดินหน้าต่อทางการเมืองของ 3 ป.
นายฉัตรชัยต้องการดึง นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ สิงห์ดำ รุ่นน้อง หรือ รัฐศาสตร์จุฬาฯ รุ่น 36 ข้ามห้วยไปเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย
กระทั่งนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ออกโรงมาขวางและโต้ตอบว่า เป็นเพราะมหาดไทยตีกันเอง และประกาศไม่ยอมให้ใครมาแย่งชิงปลัดกระทรวง ที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไปจากกระทรวงทรัพย์ฯ
นายสุทธิพงศ์เป็นสิงห์ดำรุ่น 36 เช่นเดียวกัน เป็นสิงห์ดำรุ่นน้อง “บิ๊กฉิ่ง” แต่สิ่งที่ทำให้ผู้คนทั่วไปฮือฮามาก ๆ คือ ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเมื่อปลายปี 2563 นายสุทธิพงศ์กับภรรยา ซึ่งปัจจุบันเป็นนักธุรกิจชั้นนำคนหนึ่งของเมืองไทย มีทรัพย์สินรวมกันมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท และไม่มีหนี้สินทั้งคู่ จึงได้ชื่อว่า “ปลัดกระทรวงหมื่นล้าน” และเมื่อดูประวัติการรับราชการจะพบว่า เมื่อปี 2553 ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ นครนายก ขณะมีอายุน้อยที่สุด ก่อนที่ในอีก 12 ปีต่อมา ได้ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของข้าราชการประจำในกระทรวงมหาดไทย
ความโดดเด่นทั้งหลาย ปฏิเสธไม่ได้ว่าบางส่วนหายวับไปทันทีจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังมีปฏิกิริยาจากองค์กรนิสิตนักศึกษา นักวิชาการและสถาบันการศึกษาหลายแห่ง รวมทั้งมหาวิทยาลัยสยาม ออกมาตอบโต้เป็นนัยๆ สำหรับการกระทำดังกล่าว รวมถึงการด้อยค่าสถาบันการศึกษา
นอกจากนี้ “พี่ศรี” นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียนชื่อดัง ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนไปยัง รมว.มหาดไทย ให้สอบจริยธรรม และสั่งปลดปลัดมหาดไทย ฐานดูถูกและบูลลี่ผู้ใต้บังคับบัญชา
ถือเป็นแรงกระเพื่อมส่งท้ายของรัฐบาล และมีแนวโน้มสูงมาก ที่เนื้อหาการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน จะมีเรื่องปลัดกระทรวงมหาดไทยพ่วงแถมท้ายเข้าไปด้วย เพราะเป้าประสงค์ของฝ่ายค้าน ส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธกันไม่ได้ คือ วิพากษ์ โจมตี จับผิด และฟันกระหน่ำใส่รัฐบาลในเรื่องที่เป็นความผิดพลาดบกพร่อง หวังให้ช้ำเลือดช้ำหนองบอบช้ำที่สุด อันจะมีผลต่อการเลือกตั้งปี 66 โดยตรง
วิเคราะห์โดย : ประจักษ์ มะวงศ์สา