วันนี้ (13 ม.ค.2566) พนักงานสอบสวนขนกล่องบรรจุแฟ้มสำนวนคดีผับจินหลิง จำนวน 67 แฟ้ม รวม 26,872 แผ่น ส่งมอบให้กับพนักงานอัยการ ที่สำนักงานอัยการสูงสุด
การสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อเนื่องเป็นระยะเวลาประมาณ 2 เดือนกว่า ของคณะพนักงานสอบสวน ถูกจับตาอย่างใกล้ชิดจากประชาชน ไปจนถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในสังคม โดยเฉพาะนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่เปิดเผยข้อมูลเบื้องหลังของกลุ่มผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีนี้ ซึ่งในวันนี้ได้เดินทางเข้ามาสังเกตการณ์ส่งมอบสำนวนของคณะพนักงานสอบสวนในวันนี้ด้วยและการส่งมอบสำนวนคดีให้กับพนักงานอัยการในวันนี้
มี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่งมอบสำนวนคดีให้อัยการด้วยตัวเอง ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนของคดีนี้ พร้อมเปิดเผยว่า คดีนี้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 41 คน ในจำนวนนี้มีนิติบุคคล 5 ราย
ข้อหาหลักคือร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทหนึ่งไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าโดยกระทำการในลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ซึ่งเกิดการกระทำผิดทั้งในราชอาณาจักรและนอกราชอาณาจักร โดยคดีนี้ทำงานเป็นคณะและมั่นใจในพยานหลักฐาน, ส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
ด้านนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หนึ่งในคณะทำงานของคดีนี้ ระบุว่า คณะทำงานในคดีนี้มีจากหลายหน่วยงานร่วมมือกัน ทั้งการรวบรวมพยานหลักฐาน การสืบสวน การสอบสวน เป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นซึ่งภายหลังที่พนักงานอัยการรับสำนวนคดีไปแล้ว หน้าที่การพิจารณาสั่งฟ้องจะเป็นหน้าที่ของทางอัยการสูงสุด
คดีนี้เริ่มต้นจากวันที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นผับจินหลิง ย่านสาทร ในช่วงกลางดึกของวันที่ 26 ต.ค.2565 ในคืนวันนั้นเจ้าหน้าที่จับนักท่องเที่ยวชาวจีนได้มากกว่า 100 คน ปัจจุบันส่วนใหญ่ถูกผลักดันออกนอกประเทศไปแล้ว เนื่องจากรับโทษทางคดีเสร็จสิ้นแล้ว
ส่วนกลุ่มผู้ต้องหาหลัก เดิมทีพนักงานสอบสวนกล่าวหาทั้งหมด 43 คน แต่ สั่งไม่ฟ้อง 2 คนเนื่องจากกันไว้เป็นพยาน ขณะเดียวกันสั่งฟ้องผู้ต้องหา 41 คน ในจำนวนนี้ เป็นนิติบุคคล 5 ราย
ในกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่จับได้แล้ว 20 คน และอยู่ระหว่างหลบหนีอีก 18 คน ส่วนทรัพย์สินตรวจอายัดได้มากกว่า 5,000 ล้านบาท ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นของผู้ต้องหาคนสำคัญคือนายตู้ห่าว และผู้ต้องหา 20 คน ที่ตำรวจจับกุมได้ ขณะนี้ล้วนเป็นกลุ่มเครือข่ายทางธุรกิจผิดกฎหมายของนายตู้ห่าว และกลุ่มบุคคลใกล้ชิด เช่น ภรรยา และลูกน้องคนสนิท
พนักงานสอบสวนฟ้องผู้ต้องหาในคดีนี้รวม 10 ข้อหา แตกต่างกันไปตามพฤติการณ์ แต่ข้อหาหลักคือ ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภทที่หนึ่งไว้ในครอบครองเพื่อการค้า ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐอันเป็นลักษณะการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ข้อหาฟอกเงินสมคบฟอกเงิน ข้อหาอั้งยี่ และข้อหาการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ