วันนี้ (24 ม.ค.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนคดีที่มีเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และตำรวจ 191 ร่วมเข้าตรวจค้นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แล้วพบมีชาวต่างชาติเข้าไปทำหนังสือเดินทางปลอมและเรียกรับผลประโยชน์กว่า 9,500,000 บาทนั้น
จากการสอบสวนพบว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอที่เป็นหน้าห้องของอดีตอธิบดีดีเอสไอ เป็นคนโทรศัพท์มาขอกำลังจากรองผู้บังคับการตำรวจ 191 จากนั้นได้โทรศัพท์ไปรายงานกับรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลท่านหนึ่งให้รับทราบถึงภารกิจ ขณะนี้ได้เรียกมาสอบสวนทั้งหมดแล้ว ซึ่งความผิดยังพบเพียงตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุเท่านั้น ส่วนผู้สั่งการ พบว่าเป็นการสั่งด้วยวาจาให้ไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ดีเอสไอร้องขอ ไม่ได้ให้ไปกระทำผิดกฎหมาย แต่ได้ให้จเรตำรวจแห่งชาติตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยด้วย
สำหรับเงิน 9,500,000 บาท ยังไม่พบการโอนต่อไปให้บุคคลใด มีเพียงในกลุ่ม 16 คนที่ถูกดำเนินคดีเท่านั้น ส่วนการสั่งย้ายอดีตอธิบดีดีเอสไอ เป็นคำสั่งของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ที่เห็นว่านายไตรยฤทธิ์สั่งตั้งชุดเฉพาะกิจนี้แล้วมากระทำผิด ทำให้ผู้ที่สั่งตั้งต้องรับผิดชอบ ยังไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีของตำรวจ แต่ได้เรียกนายไตรยฤทธิ์ เข้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งชุดเฉพาะกิจนี้ขึ้นมาภายในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ชุดสืบสวนจะเข้าไปขอสอบปากคำผู้ต้องหาชาวจีนในเรือนจำ เนื่องจากในชั้นจับกุมทั้งหมดยังไม่ได้ให้การเป็นประโยชน์มากนัก ขณะเดียวกันยังสืบสวนพบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 คนที่เข้าไปตรวจค้นคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง หลังจากเข้าตรวจค้นที่บ้านพักกงสุลนาอูรู มีหลักฐานเป็นภาพวงจรปิดชัดเจน ซึ่งจะออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา รวมทั้งจะสอบสวนอดีตกงสุลนาอูรู ที่เป็นผู้ร้องมาที่ดีเอสไอด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างไร