ยืนยันชัดเจนว่าไม่ใช่เด็กนาย หลังจากนายอรรถพล เจริญชันษา เข้ารับตำแหน่งรักษาราชการแทนอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในวันแรก ย้ำชัดว่า ต่อจากนี้ไปนี้จะไม่มีเรื่องเงินทอน การทำงานในระดับพื้นที่ของเจ้าหน้าที่จะดีขึ้น และต้องทำงานได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย
คำสัญญานี้ ไม่เพียงเรียกขวัญกำลังใจของคนดูแลป่าไม้ชายขอบที่ห่างไกลเท่านั้น แต่ทำให้ข้าราชการสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติฯ ที่ร่วมรับฟังคำแถลงมีพลังใจการทำงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะวรรคทองที่ว่า
ไม่ต้องกังวลว่าจะย้ายล้างบางหรือไม่ คงไม่มีขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในการทำงาน ผมจะเข้ามากอบกู้และสร้างขวัญกำลังใจให้
เส้นทางการรับราชการ และการไต่เต้าขึ้นเป็นลำดับของนายอรรถพล นอกจากมีเรื่องผลงานสะท้อนความตั้งใจในการทำหน้าที่แล้ว เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่แตกต่างไปจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนอื่น เวลาเข้ารับตำแหน่งใหม่
แทบจะเรียกได้ว่าเป็นข้าราขการคนเดียว ที่จะนำ ”แม่” ที่เขาเคารพศรัทธายกให้เป็น ”พระในบ้าน” ไปทำหน้าที่เจิมเก้าอี้ตัวใหม่ให้ เพียงแต่ขณะนี้ มารดามีอายุมากแล้ว จึงไม่สะดวกที่จะถือปฏิบัติเช่นครั้งเก่าก่อน สำหรับการนั่ง”เจิม” เก้าอี้ให้
นับตั้งแต่จบการศึกษา ปริญญาตรีคณะวนศาสตร์ (รุ่น 49) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นายอรรถพล ก็เติบโตในฐานะ ”ลูกหม้อ” ของกรมป่าไม้มา ตลอด ในปี 2557-2560 ขึ้นเป็น ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่า ปี 2560-2561 เป็นรองอธิบดีกรมป่าไม้ ปี 2561-2563 เป็นอธิบดีกรมป่าไม้
ต่อมาปี 2564 ถูกโยกข้ามหน่วยไปเป็นอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และในปี 2565 เป็นอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทั่งเกิดกรณีเรียกรับสินบนกรมอุทยานแห่งชาติฯ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงมีคำสั่งให้นายอรรถพล นั่งตำแหน่งรักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ คนใหม่
เมื่อครั้งเป็นอธิบดีกรมป่าไม้ นายอรรถพล มีบทบาทสำคัญในการปราบปรามขบวนการบุกรุกพื้นที่ป่า รวมทั้งคดีบุกรุกพื้นที่สปก.ที่จังหวัดราชบุรี โดยน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในขณะนั้น กระทั่งศาลฎีกามีคำสั่ง ให้น.ส.ปารีณาต้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ส.ส. และโดนตัดสิทธิการเมือง
นายอรรถพล บอกว่า ดีใจที่ได้กลับมาทำงานที่กรมอุทยานฯ เพราะเคยเติบโตมาจากหัวหน้าส่วนไฟป่าในกรมป่าไม้ จึงเป็นงานที่อยู่ในสายเลือด ยอมรับว่าตัวเองเป็นเด็กของทุกคน และเป็นเด็กของนายกรัฐมนตรีด้วย เนื่องจากเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด แต่ยืนยันว่า ไม่เกี่ยวว่าใครจะเป็นคนของใคร เพราะตอนนี้ตนเป็นผู้บังคับบัญชา และจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จะให้เห็นการเปลี่ยนแปลง
ภารกิจแรก คือ การพิจารณารายชื่อบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการถูกโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม โดยคณะทำงานที่กรมอุทยานแห่งชาติฯมีบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว จะพยายามพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน
ขณะที่ทุกกิจกรรม เรื่องงบประมาณต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงเงินรายได้ของอุทยานฯ อะไรทีล่อแหลมส่อทุจริต จะต้องปิดช่องว่างให้หมด
ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน และหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง พบชื่อนายอรรถพล นั่งเก้าอี้อธิบดีกรมป่าไม้ ครบ 3 ปี สู่ตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เขาและคู่สมรส มีทรัพย์สินรวม 17 ล้านบาท และมีหนี้สินทั้งสิ้น 3.3 ล้านบาท
นายอรรถพล เหลือเวลารับราชการอีก 3 ปี จึงจะเกษียณอายุ เขาบอกว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ยังตอบไม่ได้ แม้แต่ที่กรมอุทยานฯ ที่รักษาการอยู่ จะได้เป็นตัวจริงหรือไม่ แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อเก็บแต้มให้เป็นความภูมิใจของตนเอง