วันนี้ (10 ก.พ.2566) ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ว่า ที่ประชุม ยังคงแนะนำการให้วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก (HPV) ในนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 2 เข็ม ตามสิทธิประโยชน์ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และตามคำแนะนำทางวิชาการเดิม
แม้ในช่วงปี 2562-2564 ได้เกิดขาดแคลนวัคซีน HPV ทั่วโลก จากปัญหาโรงงานผลิตวัคซีนไม่สามารถผลิตวัคซีน HPV ได้เพียงพอ เนื่องจากวิกฤตการระบาด COVID-19 ทั่วโลก ส่งผลให้เด็กนักเรียนชั้น ป.5 ปีการศึกษา 2562-2564 จำนวนประมาณ 1.2 ล้านคน เสียสิทธิที่พึงได้รับจากรัฐ จากที่ไม่ได้รับวัคซีน HPV ตามแผนงานฯ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกในอนาคต
แต่ในปี 2565 บริษัทผู้ผลิตวัคซีนได้จัดส่งวัคซีน HPV จำนวน 800,000 โดส ซึ่งอยู่ระหว่างฉีดนักเรียนชั้น ป.5 ปีการศึกษา 2565 และได้สั่งซื้อวัคซีน HPV จำนวน 800,000 โดส สำหรับเด็กนักเรียนชั้น ป.5 ปีการศึกษา 2566 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMho8AwFKqIXPcXM7XK0oxufQMI8p.jpg)
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนเพียงพอสำหรับการเก็บตกนักเรียนชั้น ป.5 ปีการศึกษา 2562-2564 ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมควบคุมโรค สถาบันวัคซีนแห่งชาติ และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จึงร่วมมือกันผลักดันการจัดหาวัคซีน HPV สำหรับเด็กที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในปี 2562-2564 ขณะนี้ สปสช. อยู่ระหว่างการวางแผนงบประมาณเพื่อจัดหาวัคซีนจากบริษัทผู้ผลิต ยืนยันว่าเด็กไทยชั้น ป.5 ที่ตกค้าง จะได้รับวัคซีนครบทุกรคน ตามความสมัครใจ
จากคําแนะนําของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคและข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก พบว่า ประสิทธิผลของการป้องกันมะเร็งปากมดลูกยังสูงอยู่ แม้จะเว้นระยะห่างการฉีดเข็มที่ 2 ออกไปนานกว่าที่กําหนด
"มะเร็งปากมดลูก" พบเป็นอันดับ 2 รองมะเร็งเต้านม
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม พบว่าหญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงถึงปีละเกือบหมื่นราย และมีอัตราเสียชีวิตเกิน 50% นับว่าเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ การป้องกันด้วยการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก จึงเป็นแนวทางการป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMho8AwFKqIXPcXM5cD9v2BP3ykjL.jpg)
หลักการสำคัญคือ ควรฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นเมื่อประเทศไทยยังไม่มีวัคซีนที่เพียงพอสำหรับทุกกลุ่มเป้าหมาย กรมควบคุมโรคจึงจำเป็นต้องมีการวางแผนการบริหารจัดการวัคซีน HPV ให้กลุ่มเป้าหมายได้รับการฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ให้มีความครอบคลุมมากที่สุด โดยจะใช้วิธีฉีดเข็มที่ 1 ปูพรมในการเก็บตกให้เด็กที่อายุสูงที่สุดก่อน เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปากมดลูกในกลุ่มเป้าหมาย ระหว่างรอวัคซีนที่จะจัดหาเพิ่มเติมโดยเร็ว ทั้งนี้การบริหารจัดการวัคซีนได้เป็นไปตามคำแนะนําของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคและสอดคล้องกับข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก
ยืนยันปี 66-67 วัคซีน HPV เพียงพอฉีดเก็บตก
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMho8AwFKqIXPcXNAHv3MaBskBtkx.jpg)
นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ กล่าวเสริมถึงแผนการจัดหาวัคซีน HPV เพิ่มเติมว่า จากการสอบถามไปยังบริษัทผู้ผลิต ได้รับหนังสือยืนยันว่า ในปี 2566 และ 2567 บริษัทผู้ผลิตสามารถจัดหาวัคซีน HPV ได้เพียงพอสำหรับการฉีดเก็บตกในเด็กนักเรียน ชั้น ป.5 ที่ตกค้างได้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าวัคซีน HPV ที่จัดหาใช้ในแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศไทยมีประสิทธิภาพสูง ครอบคลุมสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกได้ดี โดยเฉพาะหากฉีดก่อนการมีเพศสัมพันธ์