วันนี้ (18 ก.พ.2566) ตำรวจสืบสวนนครบาล ควบคุมตัว น.ส.ขวัญนรินทร์ (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี น.ส.นวลอนงค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี และ น.ส.สุทธิดา (สงวนนามสกุล) อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาคดี ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันเป็นอั้งยี่, ร่วมกันเป็นซ่องโจร, ร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดนหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และร่วมกันฟอกเงิน
ตำรวจพบว่า ช่วงประมาณเดือน เม.ย.ปี 2565 น.ส.ขวัญนรินทร์ และ น.ส.สุทธิดา ได้เข้าทำงานเป็นพนักงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นพนักงานสาย 1 ทำหน้าที่หลอกผู้เสียหายอ้างเป็นพนักงานบริษัทขนส่งพัสดุ อ้างว่า มีพัสดุตกค้างโดยทำงานอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยได้รับค่าตอบแทนเบื้องต้นเดือนละ 20,000 บาท และได้รับเงินเพิ่มเติม จำนวนร้อยละ 5 จากยอดเงินที่สามารถหลอกลวงผู้เสียหายในประเทศไทยได้
รวมยอดเงินที่ น.ส.ขวัญนรินทร์ และ น.ส.สุทธิดา ได้รับจากการทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ประมาณหลายแสนบาท
ส่วน น.ส.นวลอนงค์ เคยทำหน้าที่ดูแลหลังบ้านคอลเซ็นเตอร์ในที่เดียวกัน และหาพนักงานมาทำงานเพิ่มเติม ได้รับค่าตอบแทนเป็นจำนวนหลักแสนบาท ซึ่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว เคยหลอกลวงผู้เสียหายมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ได้แก่ เคยหลอกลวงครูเกษียณอายุราชการ ได้เงิน 11 ล้านบาท, หลอกนักลงทุนหุ้น ได้เงิน 41 ล้านบาท และหลอกแพทย์ใน จ.ชุมพร ได้เงิน 101 ล้านบาท ซึ่งตำรวจสามารถจับตัวได้ที่บริเวณตลาดนัดเพชรเกษม 77 ถ.เพชรเกษม เขตหนองแขม
ผู้ต้องหาทั้ง 3 คนให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวโดย น.ส.สุทธิดา ให้การว่าได้ติดต่อคุยกับผู้เสียหายเป็นจำนวนหลายคน ซึ่งหลอกลวงได้จำนวนมาก ก่อนที่จะหลบหนีกลับมาประเทศไทยผ่านช่องทางธรรมชาติ มาประกอบอาชีพค้าขายในตลาดนัด
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล หัวหน้าชุดปฏิบัติการ PCT ที่ 5 เปิดเผยว่า ได้จัดชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบสวนติดตามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งประสานงานประเทศเพื่อนบ้าน
รวมถึงติดตามในประเทศไทยเพื่อดำเนินคดีและยึดทรัพย์สินที่ได้มา เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทยเป็นจำนวนมาก และยังก่อเหตุต่อเนื่อง