เมื่อวันที่ 21 ก.พ.2566 วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ใช้โอกาสระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ต่อรัฐสภา ประกาศระงับความร่วมมือในสนธิสัญญานิว สตาร์ท กับสหรัฐอเมริกา ที่ลงนามร่วมกันเมื่อปี 2010 และจะสิ้นสุดลงในปี 2026 พร้อมทั้งระบุว่า ชาติตะวันตกเป็นฝ่ายยกระดับสงครามให้ทวีความรุนแรงมากขึ้น และสหรัฐฯ เป็นฝ่ายเปลี่ยนสงครามในยูเครนให้เป็นวิกฤตโลก
ผู้นำรัสเซีย ยืนยันว่า จะเดินหน้าโจมตียูเครนอย่างเป็นระบบต่อไปเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และเตือนว่ารัสเซียจะกลับไปทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง หากสหรัฐฯ ลงมือทดสอบก่อน
ด้านแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า การตัดสินใจของรัสเซียไร้ความผิดชอบอย่างยิ่ง แต่ยืนยันว่าสหรัฐฯ ยังพร้อมเจรจาเรื่องสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์กับรัสเซียทุกเมื่อ
ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ระบุในเวลาต่อมาว่า ยังคงปฏิบัติตามข้อตกลงในสนธิสัญญาดังกล่าว ซึ่งจำกัดให้รัสเซียและสหรัฐฯ มีหัวรบนิวเคลียร์ประจำการไม่เกิน 1,550 หัวรบ แม้จะระงับความร่วมมือแล้วก็ตาม
"ไบเดน" ปลุกพันธมิตรช่วยยูเครนต่อกรรัสเซีย
ส่วนโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเยือนโปแลนด์ ประกาศย้ำจุดยืนว่า สหรัฐฯ และนาโตจะเดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่อไป และย้ำว่ารัสเซียจะไม่มีวันได้รับชัยชนะเหนือยูเครน
นอกจากนี้ ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาปฏิเสธคำกล่าวหาของผู้นำรัสเซีย โดยระบุว่า ชาติตะวันตกไม่ได้วางแผนโจมตีรัสเซียอย่างที่ปูตินกล่าวอ้าง
ขณะที่ The Wall Street Journal รายงานอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมเดินทางเยือนกรุงมอสโก เพื่อประชุมสุดยอดกับผู้นำรัสเซียในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันการเจรจาสันติภาพในยูเครน และเปิดโอกาสให้จีนแสดงจุดยืนย้ำถึงข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการห้ามใช้อาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง
เบื้องต้น แม้ยังไม่มีกำหนดการแน่ชัด แต่มีการคาดว่าการประชุมดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.นี้
อ่านข่าวอื่นๆ
"ไบเดน" โผล่เยือนยูเครน ย้ำจุดยืนหนุนหลังสู้รัสเซีย
ระดับน้ำในแม่น้ำ-ทะเลสาบอิตาลีลดต่ำเป็นประวัติการณ์
LGBT เกาหลีใต้มีหวัง! ศาลตัดสินรับรองสิทธิเป็นครั้งแรกของประเทศ