อดีตที่ยากจะลืม
วัยรุ่นตั้งครรภ์บางคนที่เลือกยุติการตั้งครรภ์ และเปิดเผยในภายหลังว่า มันเป็นอดีตที่ตามหลอกหลอน และคงไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต หากเลือกได้ ก็คงไม่มีใครอยากเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านั้น
แต่ในอีกมุมหนึ่ง ที่อดีตคุณแม่วัยใสท่านหนึ่ง เปิดเผยกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า แม้ว่าการเลือกที่จะเก็บลูกไว้ และเดินหน้าเป็นคุณแม่วัยใสในวัยเฟรชชี กลับเป็นบทเรียนที่เธอยากที่จะลืมเช่นเดียวกัน
ต้องใช้พลังใจอย่างมาก ที่จะฝ่าฟันกับสายตาของคนรอบข้าง
หญิงวัยเกือบ 40 ปี ย้อนอดีตกว่า 20 ปีก่อน ตั้งใจเล่าเรื่องที่เธออยากจะลืม แต่อีกใจก็หวังว่าจะเป็นบทเรียนให้กับวัยรุ่นในปัจจุบัน ว่าด้วยสภาพร่างกายที่ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติ เธอจึงไม่เคยเอะใจเลยว่า ประจำเดือนที่หายไปเกือบ 4 เดือนของเธอนั้น คือสัญญาณการเริ่มต้นของชีวิตใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล
แม้จะไม่มีอาการแพ้ท้อง อยากกินของเปรี้ยว ง่วงนอนบ่อยๆ ตามอาการที่พบได้โดยทั่วไปของหญิงตั้งครรภ์ แต่เรื่องนี้ก็กลับฉุดให้เธอคิดจนต้องซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ แล้วจึงพบว่า บทบาทของเธอกำลังเปลี่ยนไป จากนักเรียนที่กำลังจะกลายเป็นนักศึกษา แต่เธอต้องพ่วงด้วยคำว่า "ท้องในวัยเรียน" เข้าไปด้วย
เผชิญหน้ากับโลกแห่งความจริง
เธอยอมรับเหมือนกับเด็กสาวทั่วไปที่ตั้งครรภ์ในเวลาไม่พร้อมว่า "ทางออกที่ดีที่สุดกับเธอในขณะนั้นคือ เธอต้องกลับไปเป็นวัยรุ่นคนเดิมให้เร็วที่สุดให้ได้" แต่หลังจากปรึกษาหมอและได้คำตอบที่ว่า การตัดสินใจของเธออาจสร้างความเจ็บปวดให้กับร่างกายและจิตใจของเธอไปตลอดชีวิต เธอจึงเลือกที่จะเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริง
เดือนแรกในการเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา 20 กว่าปีก่อนที่ยังมีระบบ "รับน้อง" บวกกับรูปร่างที่เปลี่ยนไป สิ่งเล็กๆที่เรียกว่า "ลูก" ของเธอจึงไม่ใช่เรื่องที่จะเก็บไว้กับตัวเธอเองได้อีกต่อไป
เธอเลือกเล่าความจริงทั้งหมดให้กับรองคณบดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจการนักศึกษา อาจารย์ที่ปรึกษา พร้อมกับคำยืนยันและใจที่ตั้งมั่นว่า "เธอต้องการที่จะเรียนให้จบพร้อมกับเพื่อนในรุ่น" และคำตอบของบุคลากรในคณะก็เป็นเหมือนไม้ค้ำให้เธอเกาะพยุงตัวขึ้นและเดินต่อไปได้
ทางคณะให้เลือกระหว่างจะพักการศึกษา (Drop) คลอดเสร็จแล้วกลับมาเรียน หรือจะเรียนต่อไป ไม่มีแม้แต่คำเดียวที่จะให้ลาออก ไล่ออก หรือทำทัณฑ์บนใดๆ
โค้งสุดท้ายก่อนจะให้กำเนิดลูก เธอเลือกบอกความจริงกับเพื่อนสนิทที่เรียนด้วยกันไม่กี่คน เพื่อต้องการให้เพื่อนช่วยดูแลตัวเธอ และเรื่องเรียนในบางช่วงที่เธอต้องหายไป เธอยอมรับว่าเครียดมาก เพราะไม่รู้เลยว่าเพื่อนจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมายังไง จะรับได้หรือไม่ที่มีเพื่อนท้องในวัยเรียน
ไม่เห็นเป็นไรเลย
คือคำตอบของเพื่อนหลายๆ คนที่เธอเลือกจะบอก และยิ่งทำให้เธอมั่นใจมากขึ้นว่าการตัดสินใจเดินต่อไปข้างหน้าของเธอนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิด ถึงแม้ว่าจะเกิดในช่วงเวลาที่ไม่ถูกต้องก็ตาม
วันที่แม่วัยเฟรชชีเรียนจบปริญญาตรี คือช่วงเวลาที่เด็กน้อยผู้มาก่อนกาล(ที่เหมาะสม) ได้ก้าวเข้าสู่การศึกษาระดับชั้นแรกของชีวิต จนถึงตอนนี้ เธอได้ใช้ชีวิตช่วงวัยรุ่นในระดับอุดมศึกษา มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีมุมมองต่อโลกที่ดี แม้เธอเลือกช่วงเวลาที่ดีในการเกิดไม่ได้ แต่แม่ของเธอกลับช่วยผลักดันโดยการใช้ชีวิตของตัวเองเป็นบทเรียน สอนให้ลูกมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งต่อสิ่งยั่วยวนรอบข้าง และไม่เคยตัดสินชีวิตของใคร
อดีตแม่วัยเฟรชชีปิดท้ายด้วยว่า อยากให้สิ่งที่เธออยากลืม อดีตที่เธอประมาทเลินเล่อ เป็นบทเรียนให้กับเด็กวัยรุ่นยุคนี้ การมีเพศสัมพันธ์ต้องป้องกันทุกครั้ง ไม่เฉพาะป้องกันการตั้งครรภ์ และต้องคำนึงถึงโรคติดต่อด้วย ส่วนการทำแท้งเป็นสิ่งไม่ดี แต่การมีลูกตอนเรียนก็ไม่ดีเหมือนกัน แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้ว "เราก็ต้องรับผิดชอบ" เพราะลูกไม่ได้รู้เรื่องกับความสนุกโดยไม่ยั้งคิดของพ่อและแม่
อย่าโยนความผิดที่เด็กไม่ได้ก่อ ไปที่เด็กคนเดียว พ่อแม่ที่ทำต้องรับผิดชอบ
และเธอก็ไม่ต้องการให้วัยรุ่นตั้งครรภ์ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษาเช่นกัน เพียงแต่ต้องเข้มแข็งและยืนหยัด "ที่จะทำเพื่อตัวเอง" เพราะเมื่อไหร่ที่มีการศึกษา นั่นก็หมายถึงมีอนาคต และมีรายได้มาจุนเจือทั้งตัวเอง ลูก และครอบครัว รวมถึงฝากให้สถาบันการศึกษา อย่าบีบบังคับให้วัยรุ่นตั้งครรภ์ต้องออกจากการศึกษา เพราะจะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคมทันที
อ่านข่าวเพิ่ม :