วันนี้ (2 มี.ค.2566) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ฝุ่นควันไฟป่าในพื้นที่ภาคเหนือที่พบเกินมาตรฐานต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อเวลา 10.05 น.เที่ยวบินสายการบินนกแอร์ เที่ยวบินที่ DD.190 ที่เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อส่งผู้โดยสารที่ท่าอากาศยานแม่สอด จ.ตาก แต่ไม่สามารถลงจอดได้ เนื่องจากทัศนวิสัยเลวร้าย จากหมอกควันปกคลุม โดยนักบินได้บินบนหลายรอบ แต่ลงจอดไม่ได้ จึงตัดสินบินนำผู้โดยสารไปลงที่ท่าอากาศยานจังหวัดพิษณุโลก
นอกจากนี้ ยังมีผู้โดยสารติดค้างที่ท่าอากาศยานอีกจำนวนมาก ในช่วง 3 วันที่ผ่านมาสภาพอากาศแม่สอด จ.ตาก เลวร้ายมาก ปกคลุมไปด้วยหมอกควันและฝุ่นละออง ส่วนหนึ่งมาจากการเผาป่า ก่อสร้าง ทั้งในฝั่งไทยและฝั่งเมียนมา
ภาพ:Flightradar24
ภาพ:Flightradar24
ขณะที่ภาพมุมสูงเหนือตัวเมืองพิษณุโลก มีทัศนวิสัยต่ำลง สาเหตุมาจากค่าฝุ่น PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานถึง 3 เท่า สถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศในพื้นที่ตำบลในเมืองพิษณุโลก วัดค่าฝุ่น PM2.5 ได้ 189 มคก.ต่อลบ.ม.หรือมีผลกระทบต่อสุขภาพ
นายภูสิต สมจิตต์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า ขอให้อำเภอทั้ง 9 อำเภอ สร้างการรับรู้ เน้นย้ำการปฏิบัติตามประกาศจังหวัดพิษณุโลก เรื่อง กำหนดเขตควบคุมไฟป่า และขอความร่วมมือห้ามเผาโดยเด็ดขาด60 วัน ตามประกาศจังหวัดไปจนถึงวันที่ 16 เม.ย.นี้
ส่วนสถานการณ์ไฟป่า และฝุ่นควันที่ จ.เชียงใหม่ ยังมีแนวโน้มที่สูงขึ้น จุดความร้อนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในพื้นที่โซนใต้ของจังหวัด ศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันเชียงใหม่ จึงให้งดการบริหารจัดการเชื้อเพลิงตามระบบ FireD ในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และป่าสงวน ส่วนพื้นที่เกษตรและพื้นที่ทำกินให้อยู่ในอำนาจของนายอำเภอพิจารณาอนุญาต
ล่าสุดนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก เปิด 5 แผนปฏิบัติการดับไฟลดฝุ่น จ.เชียงใหม่ ได้แก่ 1) ทำแนวกันไฟ ให้มากที่สุด 2) ป้องปรามการเผาทุกพื้นที่ 3) หากมีการเผาเกิดขึ้น เร่งดับให้ได้ภายในวันนั้น 4) ไฟที่ลุกลามเป็นวงกว้าง ให้ระดมกำลังคน รถน้ำ และเฮลิคอปเตอร์ เข้าดับให้เร็วที่สุด และ 5) เฝ้าติดตามความชื้นในอากาศ เมื่อพร้อม ให้เร่งทำฝนหลวงทันที โดยกำหนดเป้า ให้มีฝนตกทุก 15 วัน
ข้อมูลรายงานคุณภาพอากาศของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) พบว่าทุกจังหวัดภาคเหนืออยู่ในระดับสีแดง สูงสุดที่ ต.ธานี จ.สุโขทัย 224 มคก.ต่อลบ.ม. ขณะที่จุดความร้อนล่าสุด จ.ตาก ก็ยังคงเป็นพื้นที่ที่มีจุดความร้อนมากที่สุด 367 จุด รองลงมาคือ จ.อุตรดิตถ์ 200 จุด และจ.น่าน 188 จุด