วันนี้ (6 มี.ค.2566) เสียงกองเชียร์พรรคประชาธิปัตย์ดังกระหึ่ม อาคารกีฬาเวศน์ โดยเฉพาะช่วงแรกที่มีการเปิดงาน ซึ่งเปิดตัวด้วย MV เช้าวันใหม่ ประกาศทวงคืน กทม. ที่ถือเป็นบ้านของพรรคประชาธิปัตย์
DEM for all หรือ ประชาธิปัตย์ = ประชาชน เป็นธีมงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. 33 เขตของประชาธิปัตย์ อย่างเป็นทางการ ซึ่งมีทั้ง อดีต ส.ส. อดีต ส.ก.ทายาทนักการเมือง และคนรุ่นใหม่ อาทิ ภูเบศ อภัยวงษ์ ทายาทหัวหน้าพรรคคนแรก, พงศกร ขวัญเมือง
เจิมมาศ จึงเลิศศิริ, อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์, ธนา ชีรวินิจ, พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ, วัชระ เพชรทอง และสากล ม่วงศิริ เตรียมลงสู้ศึก หลังการเลือกตั้งปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์สอบตก ไร้ที่นั่งในเมืองกรุง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศนำว่าที่ผู้สมัครทั้ง 33 คน สู้ศึก หวังคว้าชัยชนะใน กทม.ให้ได้ และเน้นย้ำอุดมการณ์ของพรรคและขอโอกาสเข้ามาทำงาน ก่อนจะให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคนขึ้นมาแนะนำตัวคนละประมาณ 30 วินาที
ขณะที่ 2 คนรุ่นใหม่ ที่เข้ามาเสริมทัพประชาธิปัตย์ นางวทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ชี้ว่า การเปลี่ยนผ่านของประชาธิปัตย์ หลังเลือดเก่าไหลออก พรรคจะแย่ ไม่จริง เพราะยังมีเลือดใหม่เข้ามาเติมกำลังผลัดใบผลิดอกออกผล และเชื่อว่าเลือดของประชาธิปัตย์ยังไหลเวียนอยู่ในตัวคน กทม.เสมอ ขอให้ช่วยกันทำบ้านหลังนี้ให้อบอุ่นเหมือนเดิม
ส่วน ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. สะท้อนปัญหาคนกรุงตลอด 4 ปีที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข จึงขอโอกาสว่าที่ผู้สมัครของพรรคทั้ง 33 คน ให้ได้กลับบ้านเพราะ กทม.คือบ้านของประชาธิปัตย์
"จุรินทร์" ประกาศ 3 จุดยืนหลัก ปชป.
ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ ให้ความสำคัญกับคนกรุงเทพฯ เสมอ เพราะกรุงเทพฯ คือ ลมหายใจของพรรคประชาธิปัตย์ และยังคงย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เพื่อเสนอตัวรับใช้คนกรุงเทพฯ ในครั้งนี้
พร้อมประกาศ 3 จุดยืนหลัก คือ มุ่งมั่นเดินหน้าพาพรรคเดินไปข้างหน้าเพื่อการเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง เป็นที่พึ่งชาว กทม.และลูกหลานในอนาคต, เดินหน้าประเทศไปสู่ประชาธิปไตย ที่ยึดมั่นในระบอบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ประชาธิปไตยสุจริต รวมทั้งท้องต้องอิ่ม
และสุดท้ายคือ ไม่เอาธนกิจการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียง หรือประมูลตัว ส.ส. และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพียงที่พึ่งเฉพาะกิจของคนกรุงเทพ แต่เป็นความหวังที่ยั่งยืนของคนไทย และของคนกรุงเทพมหานครทุกคน โดยยังคงยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ
และย้ำความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสร้างประชาธิปไตยแบบท้องอิ่ม ผ่านนโยบายยุทธศาสตร์ "สร้างคน สร้างคน สร้างชาติ"
นายจุรินทร์ ยังขอบคุณชาวกรุงเทพมหานคร ที่ยังไม่ทอดทิ้งพรรคประชาธิปัตย์ แม้ในการเลือกตั้ง 2562 พรรคประชาธิปัตย์ ไม่มี ส.ส.ในกรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คนกรุงเทพฯ ทั้งหมดจะทิ้งประชาธิปัตย์
เพราะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพ แม้พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ได้รับการเลือกตั้ง แต่ผู้สมัครของพรรค ก็ยังอยู่ในลำดับที่ 2 และยังชนะการเลือกตั้ง ส.ก. ถึง 9 เขต จากทั้งหมด 50 เขต และเชื่อว่า จิตวิญญาณพรรคประชาธิปัตย์ของชาวกรุงเทพฯ กำลังกลับคืนมา เช่นเดียวกับจังหวัดอื่น ๆ
ทั้งนี้ ประชาธิปัตย์ ถือเป็นพรรคการเมืองแรก ที่จัดงานเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร อย่างเป็นทางการ และเป็นความท้าทายของพรรคเพราะประเมินคู่แข่ง ไม่ว่าจะเพื่อไทย ก้าวไกล ภูมิใจไทย และอีกหลายพรรค ต่างหวังได้ที่นั่ง ส.ส.กทม.เช่นกัน