เมื่อวันที่ 9 มี.ค.2566 โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดีของยูเครน ระบุว่า ช่วงเช้าของวันที่ 9 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น รัสเซียกระหน่ำโจมตียูเครนครั้งใหญ่ ด้วยการยิงขีปนาวุธ 84 ลูก ถล่มระบบสาธารณูปโภคทั่วประเทศยูเครน
กองทัพยูเครน ระบุว่า ขีปนาวุธที่รัสเซียใช้ในครั้งนี้ รวมถึงขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinzhal ที่สามารถหลบเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศได้ ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของรัสเซียอย่างน้อย 11 คน
ขณะที่คาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน มีรายงานว่าถูกโจมตีถึง 15 ครั้ง ส่งผลให้ไฟดับทั่วเมือง ประชาชนใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าในการสร้างพลังงาน รวมถึงการชาร์จโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ระบบไฟฟ้าและระบบทำความร้อนไม่สามารถใช้การได้
การโจมตีระลอกล่าสุด ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียไฟดับชั่วคราว เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแทน เหตุการณ์นี้ถือเป็นครั้งที่ 6 ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ประสบปัญหาไฟดับ นับตั้งแต่เกิดสงครามในยูเครนเมื่อเดือน ก.พ.2565
ซึ่งตอกย้ำความกังวลของหลายฝ่าย รวมถึงหน่วยงานด้านนิวเคลียร์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ที่เคยเตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาไฟฟ้าดับในโรงงานแห่งนี้ โดยเปรียบเทียบว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในแต่ละครั้งเป็นเหมือนการเสี่ยงดวง หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ สักวันหนึ่งต้องเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น
อ่านข่าวอื่นๆ
"Good night Malaysian 370" คำพูดสุดท้ายจาก MH 370
1.5 ล้านคนยังไร้บ้าน-รัฐเร่งสร้างที่พัก ครบ 1 เดือนแผ่นดินไหวตุรกี-ซีเรีย