ไม่ว่าจะเป็นนิด้าโพล หรือสวนดุสิตโพล ที่เปิดผลสำรวจล่าสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา คะแนนนิยมของ”อุ๊งอิ๊ง”น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ยังคงนำห่างคนอื่นและพรรคอื่นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการสำรวจคะแนนนิยมมาตั้งแต่ปี 2564 ปี 2565 และต่อเนื่องปี 2566 ที่มีการแยกรายภาค รายพื้นที่ และรายจังหวัด
ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งคู่ แต่กลับมีคะแนนนิยมโดยรวมอยู่ในอันดับที่ 1 และ 2 สะท้อนให้เห็นแนวโน้มและผลการเลือกตั้ง ว่าจะออกมาอย่างไร ไม่แคล้วจะเกิดปรากฏการณ์ “แลนด์สไลด์” อย่างที่พรรคเพื่อไทยกำลังโหมกระพือ พร้อมปั่นกระแสไม่ปันใจให้ใคร
ถือเป็นยุทธวิธีในการหาเสียงเลือกตั้ง หวังดึงคะแนนเพิ่มจากกลุ่มพลังเงียบหรือกลุ่มที่ยังลังเลไม่ตัดสินใจ และรวมไปถึงกลุ่มคนที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล แต่ต้องลงคะแนนให้ขั้วฝ่ายค้านแน่ ๆ เพียงแต่จะเป็นพรรคไหนเท่านั้น โดยเฉพาะระหว่างเพื่อไทยกับก้าวไกล
แกนนำกลุ่มราษฎร นายอนนท์ นำพา ยอมรับผ่านการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คล่าสุดว่า “เขตเลือกเพื่อไทย ส่วนปาร์ตี้ลิสต์แบ่งให้ก้าวไกล” นั้นมีอยู่จริง เป็นกระแสในต่างจังหวัด จึงเป็นที่มาของพรรคเพื่อไทยออกแคมเปญ “ไม่พ่วงใคร”
ทั้งยังบอกกลับด้วยว่า สาเหตุที่หลายคนอยากเลือกก้าวไกล เพราะการอภิปรายในสภาของ ส.ส.พรรคก้าวไกล และนายรังสิมันต์ โรม สามารถเรียกคะแนนเสียงได้เป็นกอบเป็นกำ ต่างจากพรรคเพื่อไทย
ทั้งยังเปิดประเด็นความเห็นต่างระหว่าง 2 พรรคนี้ เรื่องนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส. โดยพรรคก้าวไกลยืนยันและกำลังจุดพลุแก้ไขรัฐธรรมนูญในเรื่องนี้ และชูนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคเป็นจุดขาย
ขณะที่พรรคเพื่อไทย กลับไม่มีชื่อ “อุ๊งอิ๊ง” รวมทั้งนายเศรษฐา ทวีสิน ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคทั้งคู่ อยู่ในบัญชีรายชื่อ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ รวมทั้งแซะไปถึงท่าทีและคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร เรื่องจับมือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาลว่า ได้ถามความเห็นของคนเสื้อแดงหรือเปล่า
เท่ากับสะท้อนว่า มวลชนเสื้อแดงและแนวร่วมส่วนใหญ่ รับไม่ได้กับแนวทางตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคสายทหาร หรือพรรคที่มีบทบาทในการสลายการชุมนุม ยิงแก๊สน้ำตา และจับกุมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา
กระทั่งเป็นที่มาของกลุ่มราษฎรและแนวร่วม เตรียมนำเสนอแคมเปญ “โหวตเพื่อเปลี่ยน” ในวันที่ 28 มีนาคม ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ สี่แยกคอกวัว โดยมีเป้าหมายหลัก คือรณรงค์เรียกร้องให้พรรคขั้วฝ่ายค้านปัจจุบัน ร่วมมือประสานสามัคคีกันเพื่อให้ชนะการเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน แทนที่จะแข่งและแย่งชิงกันเอง
จึงเป็นอีกความท้าทายใหม่อีกเรื่องหนึ่งของกลุ่มคนเหล่านี้ แต่จะทำได้แค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะในทางปฏิบัติ ปฏิเสธไม่ได้ว่า พรรคก้าวไกลก็ต้องพยายามเพิ่มเสียงสนับสนุน เพื่อสปีดหนีพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังหายใจรดต้นคออยู่ ขณะเดียวกัน ก็หวังลึกๆ เหมือนกับกูรูและนักวิชาการบางส่วนที่เชื่อว่า พรรคก้าวไกลอาจสร้างเซอร์ไพรส์ แลนด์สไลด์เสียเอง ได้ ส.ส.เกินหลักร้อย ไม่ใช่แลนด์สไลด์ เฉพาะพรรคเพื่อไทย
ในทางปฏิบัติ จึงปฏิเสธไม่ได้เรื่องการแข่งขันกันในทีของ 2 พรรคขั้วฝ่ายค้านปัจจุบัน
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา