วันนี้ (28 มี.ค.2566) กรมควบคุมมลพิษ รายงานผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ เมื่อเวลา 17.00 น.สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่อ.แม่สาย จ.เชียงราย 477 มคก.ต่อลบ.ม.ยังเกินมาตรฐาน 9 เท่ามีผลกระทบต่อสุขภาพ ขณะที่พบว่าสภาพท้องฟ้าเริ่มดีขึ้น ตัวเมืองไม่ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควัน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ) กล่าวว่า ข้อมูลเฝ้าระวังโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ ระหว่างวันที่ 1 ม.ค.–19 มี.ค.นี้ พบผู้ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางอากาศ 1,730,976 คน สัปดาห์นี้เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 228,870 คน กลุ่มโรคที่พบสูงสุด ได้แก่ กลุ่มโรคทางเดินหายใจ กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ และกลุ่มโรคตาอักเสบ
ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 17 จังหวัด และพื้นที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน 6 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน พิจารณาเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุขตามสถานการณ์ของแต่ละพื้นที่
ตั้งวอร์รูม เล็งใช้ พ.ร.บ.สธ.บัญชาการ
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ขณะนี้ให้ดำเนินตามแนวทาง 3 มาตรการ 10 กิจกรรมสำคัญ ดังนี้ มาตรการลดและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งเตือนความเสี่ยงต่อสุขภาพ เฝ้าระวังผลกระทบต่อสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ,ยกระดับการสื่อสารเชิงรุกสร้างความรอบรู้และสร้างความเข้มแข็งของชุมชน
มาตรการจัดบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลแก่กลุ่มเสี่ยงเปิดคลินิกมลพิษ จัดเตรียมห้องปลอดฝุ่น,จัดระบบปฏิบัติการเชิงรุก เพื่อดูแลประชาชน
เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ โดยมีระบบบัญชาการเหตุการณ์เมื่อเข้าสู่ระยะวิกฤต ส่งเสริมและขับเคลื่อนกฎหมาย พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และพ.ร.บ.ควบคุมโรคจากการประกอบอาชีพและโรคจากสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2562
ปลัดสธ.กล่าวอีกว่า สำหรับ จ.เชียงราย สถานการณ์หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานและมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ได้ออกประกาศแนวทางปฏิบัติงานในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤติฝุ่น PM 2.5
โดยให้สถานบริการในสังกัดปรับระบบบริการตามบริบทพื้นที่ เช่น เลื่อนนัดผู้ป่วยตามความเหมาะสม และจัดส่งยาให้ทางไปรษณีย์ เพื่อลดการเดินทาง ให้การรักษาผ่านระบบ Telemedicine จัดเตรียมสถานที่เป็นห้องสะอาด เพื่อเป็น Safety zone พื้นที่ปลอดฝุ่น
สำหรับเจ้าหน้าที่และผู้มารับบริการ สนับสนุนอุปกรณ์ป้องกันแก่บุคลากรในการปฏิบัติงานและผู้มารับบริการ จัดระบบการทำงานที่บ้าน (WFH) และประชุมสื่อสารผ่านระบบออนไลน์ รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากอนามัยป้องกัน พร้อมทั้งสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำประชาชนอย่างต่อเนื่อง
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง