วันนี้ (31 มี.ค.2566) ปัญหาข้อมูลคนไทยรั่วไหลสร้างความกังวลว่ามิจฉาชีพอาจเข้าถึงข้อมูลและซ้ำเติมปัญหาหลอกโอนเงิน นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ธนาคารแห่งประเทศไทย ทำหนังสือถึงผู้จัดการสถาบันการเงินทุกแห่ง สถาบันการเงินเฉพาะกิจทุกแห่งและผู้ให้บริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีใช่สถาบันการเงิน รายงานแนวนโยบายบริหารจัดการภัยทุจริตจากการทำธุรกรรมการเงินให้สอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐานขั้นต่ำของแบงก์ชาติ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.เป็นต้นไป
สถาบันการเงินทุกแห่งต้องเพิ่มความเข้มงวดในการเปิดบัญชี กำหนดให้การเปลี่ยนวงเงิน หรือ โอนเงินเกิน 50,000 บาท ต้องสแกนใบหน้ายืนยันการทำธุรกรรม พัฒนาระบบตรวจจับและติดตามความผิดปกติจากการทำธุรกรรมการเงิน ทั้งในและนอกเวลาทำการ
ทั้งนี้ หากตรวจพบความเสี่ยงหรือความเสียหายผู้ให้บริการทางการเงินต้องแจ้งผู้ถือบัตรรับทราบภายใน 1 ชั่วโมง นับจากได้รับแจ้งเหตุจากผู้ถือบัตร พร้อมทั้งรายงานความคืบหน้าเบื้องต้นภายใน 1 วันทำการ
และหากผู้ถือบัตรได้รับความเสียหายถูกมิจฉาชีพหักชำระเงินผ่านบัตร โดยไม่ได้เป็นผู้ทำธุรกรรมเอง ผู้ให้บริการทางการเงินต้องคืนเงินเจ้าของบัตรเดบิตตามยอดที่ถูกตัดชำระให้ครบถ้วนโดยเร็ว ภายใน 5 วัน หากเป็นบัตรเครดิตจะต้องยกเลิกการเรียกเก็บและไม่คิดดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากรายการดังกล่าว
นอกจากนี้ ผู้ให้บริการทางการเงินต้องจัดระบบกลไกและกำหนดผู้รับผิดชอบในการประสานงานกับสมาชิกเครือข่าย บัตรในการช่วยเหลือสมาชิก สามารถป้องกันตรวจจับ ตอบสนอง ป้องกัน และแก้ไขภัยทุจริตการเงินให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ระบบธนาคารไม่พบข้อมูลรั่วไหล
ด้าน น.ส.สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ระบุว่า แบงก์ชาติร่วมกับศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร ตรวจสอบระบบของธนาคารแล้ว ไม่พบข้อมูลรั่วไหลจากธนาคาร โดยการทำธุรกรรมทางการเงินไม่ได้ใช้เพียงข้อมูลพื้นฐานแต่ต้องมีรหัสและระบบยืนยันตัวตน
แบงก์ชาติกำชับให้สถาบันการเงินต้องมีระบบป้องกันข้อมูลลูกค้าอย่างเข้มงวด มีระบบตรวจจับความผิดปกติเพื่อให้การให้บริการทางการเงินมีความมั่นคงปลอดภัยสูงสุด พร้อมแนะแนวทางปฏิบัติตัวโดยหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินกับบุคคลอื่นผ่านโทรศัพท์ โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ หรืออีเมล ที่ไม่น่าเชื่อถือ
ทั้งนี้ หากถูกหลอกลวงให้ข้อมูลส่วนตัวหรือพบความผิดปกติของการทำธุรกรรมให้เปลี่ยนรหัสผ่าน Mobile Banking ทันที และติดต่อธนาคารที่ใช้บริการผ่านช่องทาง Hotline รวมทั้งดำเนินการแจ้งความโดยเร็ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ ยังไม่ฟันธงปมข้อมูล 55 ล้านชื่อ หลุดจากรัฐ-เอกชน
"ดีอีเอส" เร่งสืบข้อมูลคนไทยหลุด 55 ล้านชื่อ เชื่อไม่รั่วจากหน่วยงานรัฐ