วันนี้ (11 เม.ย.2566) นายนพดล ปัทมะ ผู้สมัครบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากพรรคเปิดนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ประชาชนยินดีและเห็นด้วยกับนโยบายนี้ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
ตอนนี้เหมือนเราชักคะเย่อกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่อ่อนล้า จึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจหรือออกแรงดึงชักคะเย่อให้แรงพอ ที่จะกระชากหรือปลุกเศรษฐกิจให้โงหัวขึ้น ไม่ใช่การแจกเงินทีละไม่กี่ร้อยแบบกะปริดกะปรอย ดึงเชือกชักคะเย่อคนละทีสองที จึงไม่มีแรงเอาชนะปัญหาเศรษฐกิจได้ ซึ่งนโยบายนี้พรรคคิดดีแล้วและปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ
ส่วนที่มีผู้วิจารณ์นโยบายนี้นั้น พรรคถือว่าเป็นสิทธิ และทำให้พรรคมีโอกาสชี้แจง ถือเป็นแนวร่วมมุมกลับของนโยบายนี้ เพราะทำให้ประชาชนรับรู้นโยบายนี้กว้างขวางมากขึ้นไปอีก แต่สำหรับนักการเมืองส่วนน้อยบางคน และขาประจำที่อาจ ยังไม่ได้เข้าใจเนื้อหาของนโยบายและด่วนออกมาบิดเบือนข้อเท็จจริง ก็ควรไปศึกษาหาข้อมูล และอ่านคำชี้แจงของแกนนำพรรคที่แถลงข่าวชี้แจงนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทอย่างต่อเนื่อง
เช่นบิดเบือนว่า กระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาทจะเป็นเหมือนเหรียญคริปโต ซึ่งไม่เป็นความจริง เนื่องจากกระเป๋าเงินดิจิทัล10,000 บาท ไม่ใช่คริปโตเคอเรนซี่ และไม่ใช่เงินสกุลใหม่
และที่ไปบิดเบือนใส่ร้ายว่า บริษัทเอกชนจะเกี่ยวข้องกับการดำเนินการนโยบายกับกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 ก็ไม่จริงอีก เพราะนโยบายนี้ใช้เงินงบประมาณของภาครัฐ ไม่เกี่ยวกับเอกชนรายใดทั้งสิ้น
นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นนโยบายใหม่ที่ประชาชนเข้าใจและตอบรับดี ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุนนโยบายของพรรคเพื่อไทยในเรื่องอื่น ๆ ด้วยซึ่งดูได้จากผลสำรวจความเห็นประชาชนหลายสำนักต่อเนื่อง
พรรคขอบคุณคำวิจารณ์ที่สร้างสรรค์ ส่วนการบิดเบือนใส่ร้ายนโยบายโดยพวกขาประจำนั้นสะท้อนอคติและทัศนคติของผู้วิจารณ์ได้ดี และจะไร้ผล การเมืองยุคนี้เป็นการแข่งกันคิดนโยบาย ไม่ใช่แข่งกันโกหก
เราควรพูดคุยกันด้วยข้อมูล ข้อเท็จจริงและปัญญา มากกว่าการใช้การบิดเบือน ความเท็จและอคติ เพราะประชาชนมีความรู้และหาข้อมูลได้เองแล้ว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“โรม” จี้ กกต.ขยายเวลาลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้า เตือนระวังถูกฟ้อง
"หน.ประชาชาติ" พบ รมว.มาเลเซีย เล็งหารือปัญหาแรงงานไทย
“ธรรมนัส-วิรัช” เปิดเวทีนครปฐม ชูนโยบายบัตรประชารัฐ-เบี้ยผู้สูงอายุ