วันนี้ (20 เม.ย.2566) พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยความคืบหน้ากรณี น.ส.สุพิชชา หรือ จีจี้ เน็ตไอดอลชื่อดัง ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักของคอนโดมิเนียมย่านอโศก-เพชรบุรี โดยพบพร้อมกับร่างของ นตท.ภูมิพัฒน์ นั้น
พล.ต.ต.อัฏธพร เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ทั้งผลชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตจากแพทย์นิติเวช และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐาน โดยเฉพาะเรื่องคราบเขม่าดินปืน ซึ่งเน้นย้ำขอให้เร่งรัดดำเนินการ เพราะเป็นคดีที่สังคมสนใจและเพื่อให้ได้ความกระจ่างชัด เบื้องต้น ในที่เกิดเหตุพบหัวกระสุนตกอยู่เพียง 1 นัด ซึ่งคาดว่าเป็นกระสุนที่ยิงทะลุศีรษะของฝ่ายหญิง ส่วนหัวกระสุนที่ยิงฝ่ายชายคาดว่าฝังอยู่ในศีรษะ แต่ต้องรอความชัดเจนจากแพทย์อีกครั้ง
ส่วนอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุและการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พล.ต.ต.อัฏธพร ระบุว่า ข้อมูลส่วนนี้อยู่ในสำนวนคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่บอกเพียงว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นคอนโดมิเนียมราคาแพงที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี
ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิงได้เดินทางไปที่ สน.มักกะสัน เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ได้เซ็นเอกสารไม่ติดใจสาเหตุการตาย แต่ในกรณีนี้หมายถึงไม่ติดใจสาเหตุทางการตรวจพิสูจน์ว่าเสียชีวิตจากการถูกกระสุนปืนยิง เพื่อที่จะสามารถรับร่างจากโรงพยาบาลไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ แต่จะติดใจสาเหตุของการถูกยิงหรือไม่นั้น เป็นคนละเรื่อง ซึ่งญาติได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากญาติเชื่อว่ามีบุคคลที่ทำให้จีจี้เสียชีวิต จะสามารถฟ้องร่วมกับอัยการได้หรือไม่
ผบก.น.1 เน้นย้ำว่า คดีนี้ ผบช.น.สั่งการด้วยตนเอง ยืนยันได้ว่าจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเรื่องของอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง โดยตำรวจจะทำตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พบในที่เกิดเหตุเป็นหลัก ทั้งหัวกระสุน คราบเขม่าดินปืนและกล้องวงจรปิด
ส่วนพยานบุคคล จากการสอบถามเบื้องต้นยังไม่พบผู้ที่ทราบเหตุการณ์ เนื่องจากห้องที่เกิดเหตุอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว เมื่อเปิดห้องเข้าไปจะมีห้องโถงก่อนและมีห้องนอนอยู่ชั้นใน ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ภายในห้องนอน
อีกทั้งปืนที่ใช้ก่อเหตุคือปืน SIG SAUER ซึ่งเป็นปืนที่มีเสียงเบากว่าปกติ เบากว่าประทัด ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนขณะยิง โดยจากการสอบถามนิติบุคคลคอนโดฯ ระบุว่าไม่รู้จักลูกบ้าน สามารถให้ข้อมูลได้เพียงไฟล์กล้องวงจรปิด
ครอบครัวเน็ตไอดอลขอฝ่ายชายรับผิดชอบ
ครอบครัวของ น.ส.สุพิชชา เข้าติดต่อขอรับศพที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาที่วัดใหญ่ จ.นครปฐม
ขณะที่แม่ของ น.ส.สุพิชชา เชื่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการทะเลาะกันระหว่าง นตท.ภูมิพัฒน์ กับลูกสาวของตนเอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยคบหากัน และครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่ายรู้ว่าฝ่ายชายเป็นคนอารมณ์รุนแรง มีอาวุธปืนติดตัวและชอบยิงปืน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเตือนให้ลูกสาวระวังตัวและทั้ง 2 คนได้กลับมาคบกัน แม้จะพยายามห้ามปรามแล้ว
ส่วนครอบครัวของฝ่ายชาย ตั้งแต่ทั้ง 2 คนคบกันได้มีการพูดคุยมาโดยตลอด ซึ่งพ่อของฝ่ายชาย ยอมรับว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์ลูกได้ เนื่องจากเลี้ยงตามใจมาตั้งแต่เด็ก โดยหลังเกิดเหตุ พ่อฝ่ายชายได้มาขอโทษครอบครัวแล้ว แต่ยังไม่คุยถึงรายละเอียดด้านคดีว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่อยากให้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้านพ่อเลี้ยง น.ส.สุพิชชา กล่าวว่า ไม่ติดใจสาเหตุการตายว่าจะมีบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะเชื่อว่าฝ่ายชายเป็นผู้ก่อเหตุเอง แต่ติดใจเรื่องการเลี้ยงลูกของครอบครัวฝ่ายชายที่ปล่อยให้พกปืนตั้งแต่อายุ 17 ปี ทั้งที่ยังเป็นเยาวชน
แต่เบื้องต้นตำรวจแจ้งครอบครัวแล้วว่าปืนที่ตกในที่เกิดเหตุเป็นปืนจดทะเบียนในชื่อพ่อของฝ่ายชาย หากเป็นไปได้ตนเองอยากให้ดำเนินคดีกับเจ้าของปืนด้วย พร้อมย้ำว่าที่ผ่านมาครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้มีปัญหากัน แต่ขอให้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง