วันนี้ (21 เม.ย.2565) เวลา 18.00 น. ที่คอนเวนชั่นฮอลล์ องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) จัดเวทีดีเบตใหญ่ ตั้งคำถามใน 5 ประเด็น เพื่อให้ผู้นำพรรคการเมือง 10 พรรค ร่วมกันตอบให้คนไทยได้รู้ถึงแนวคิด และแนวทางของแต่ละพรรคการเมือง
ก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 พ.ค.นี้ โดยมี สุทธิชัย หยุ่น และ พรวดี ลาทนาดี ดำเนินรายการ ตลอดเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง
สำหรับแนวคำถามแบ่งออกเป็น 4 ช่วงคือ ในช่วงแรก ถามทุกพรรคการเมืองถึง “ช่วง 6 เดือนแรก หากได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ภาพประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร”
ช่วงช่วงที่สอง เป็นการตอบคำถามจากผลโหวตของประชาชน และเวทีในภูมิภาค มี 5 ประเด็นคือ
- นโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันในภาครัฐ
- นโยบายสวัสดิการสุขภาพถ้วนหน้าและเท่าเทียม
- นโยบายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และอากาศสะอาดยั่งยืน
- นโยบายแก้หนี้ แก้จน
- นโยบายเพื่อคนสูงวัย
ช่วงที่สาม ให้แต่ละพรรคการเมือง ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองและนำเสนอแนวทางของพรรค ในประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ เช่น การปฏิรูปกองทัพ ยกเครื่องวงการตำรวจ และนโยบายประชานิยม เป็นต้น
และในช่วงสุดท้าย ให้แต่ละพรรคการเมือง นำเสนอนโยบายเด่นของพรรค และตามด้วยคำถามส่งท้ายว่า “ถ้าได้เป็นรัฐบาล ท่านจะไม่เลือกทำอะไรให้ประเทศ”
โดยแกนนำพรรคการเมืองที่ตอบรับ 10 คนคือ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า, วราวุธ ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย, พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย, อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย, มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ และ วิทยา แก้วภราดัย พรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อถึงช่วงแรก ผู้ดำเนินรายการถามว่า “ช่วง 6 เดือนแรก หากได้เป็นรัฐบาล จะทำให้ภาพประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร” และจะใช้งบประมาณจากไหน
ตัวแทนพรรคการเมืองเริ่มจาก อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราเน้นเรื่องคุณภาพชีวิตและปากท้องเป็นหลัก จะเร่งแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากโควิด เช่น ให้พักหนี้ 3 ปี ปลอดต้นปลอดดอก ไปจ่ายคืนในปีที่ 4
ตั้งกองทุนเจรจาเพื่อซื้อหนี้สินของประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความสามารถสร้างตัวเอง, ให้คนไทยกู้ 5 หมื่น โดยไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ผ่านไป 30 วัน ชำระคืนวันละ 150 บาท สามารถมีเงินหมุนเวียนเพื่อสร้างรายได้
และเพื่อลดความวิตกกังวล พรรคเราจะออกกรมธรรพ์ประกันชีวิต ให้คนไทยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ทายาทจะได้รับผลตอบแทน แต่ถ้าหากได้เป็นนายกฯ สิ่งที่จะทำจะเร็วกกว่า 6 เดือน
ด้าน กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า กล่าวว่า เราเน้นเรื่องเพิ่มเงินในประเป๋า หมายถึงในแง่เพิ่มโอกาสในการหารายได้ ลดค่าครองชีพ แก้ปัญหาของแพง เริ่มต้นแก้ปัญหาสินค้าราคาแพง 3 เรื่อง เช่น เข้าไปรื้อโครงสร้างลดราคาพลังงาน น้ำมัน ไฟฟ้า, แก้ภาษีที่ไม่เป็นธรรม, เพิ่มโอกาสการกู้ยืมเงินของประชาชน
วราวุธ ศิลปะอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า สิ่งแรกที่เราจะทำ เอเชียแปซิฟิก รีเจียนคาร์บอนเครดิต ต่อมาคือ จัดหา สสร.เพื่อมาแก้ไขรัฐธรรมนูญ เหมือนสมัยนายบรรหาร ศิลปะอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี
และในปีหน้าเราจะประสบกับเอลนีลโญ เราจะต้องเร่งหาน้ำให้พี่น้องเกษตรกร ทุกวันนี้ทำไปได้หลายแห่งแล้ว แต่เราจะทำให้ครบทุกหมู่บ้าน ค่าไฟในวันนี้แพงมาก ถ้าค่าเอฟทีสูงถึง 60 สตางค์ เราจะสนับสนุนให้ประชาชนติดโซลาเซลที่บ้าน โดยรัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ประชาชนออกครึ่งหนึ่ง
วิทยา แก้วภราดัย พรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เราจะดูแลประชาชนที่ต้องการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และจะทำต่อได้ทันที ตอนนี้มีประชาชน 12 ล้านคน ที่ใช้บัตรนี้อยู่ ซึ่งเราสามารถทำได้ทันที
เมื่อประชาชนมีรายได้ 1,000 บาท เขาควรมีแหล่งเงินกู้ การจะกู้เงินใคร บัตรสวัสดิการอยู่ในบัตรประชาชน สามารถไปกู้ฉุกเฉินได้ ไม่ต้องกลัวเป็นหนี้ เพราะธนาคารออมสินจะหักไว้ครึ่งหนึ่ง เป็นเรื่องที่ทำได้ทันที
ต่อมาคือการแก้ปัญหายาเสพติด เราแก้ปัญหาทั้งกลางน้ำ ปลายน้ำ แต่เราไม่จริงจังกับต้นน้ำ เมื่อติดแล้วทำยังไงให้จบ ส่วนเงินจะเอามาจากไหนนั้น เป็นเงินที่รัฐบาลใช้อยู่แล้วคือเดือนละ 12,000 ล้านบาท รัฐบาลสามารถหาได้
ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ที่ทำเร่งด่วนโดยไม่ต้องพึ่งงบฯ มากมายคือ ปัญหายาเสพติดต้องเป็นศูนย์ และโพลมีอยู่แล้วว่า ใครจะปราบได้ดีที่สุดก็ต้องเป็นผม ใช้งบประมาณปกติเลย
อีกอันก็คือปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น ผมมีหน้าที่ทำงานปราบปรามทุจริตมาทั้งชีวิตแล้ว ไม่ว่าจะผิดกฎหมายอะไร สมัยผมเป็นตำรวจ ผมก็ยังจับซื้อเสียงที่บุรีรัมย์ 11 ล้านบาท เลย กกต.ทำได้มั้ย ไม่เคย
ผมมีความสามารถปราบทุจริต ปปช.ทำงานรวบอำนาจมากเกินไป เรื่องไปแช่ที่นั่น เราแบ่งอำนาจของ ปปช.ออกมาเสีย ข้าราชการทุจริตเอามาให้ตำรวจทำงานอย่างเดิม ให้ผมมาดูแลตรงนี้จะเหลือเงินมาบริหารประเทศอีกเยอะ
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ที่ทำได้ทันทีคือการประกันรายได้เกษตรกร รายได้ มันสำปะหลัง ยางพารา ข้าวโพด ราคาผลไม้ต้องทำให้ดีขึ้น อัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจทั่วประเทศ เข้าธนาคารหมู่บ้านชุมชน กองทุน กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวม 3 แสนล้าน ให้กู้ซื้อบ้าน หรือใช้หนี้บ้านซึ่งเป็นหนี้ก้อนใหญ่
จัดตั้งกองทุนสตาร์ทอัพ เอสเอ็มอี สามารถเข้าถึงแหล่งเงินได้ทันที รวมทั้งนโยบายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เดินหน้าออกโฉนดที่ดิน มีที่ดินแต่ออกโฉนดไม่ได้จำนวนมาก จะทำให้ได้, แก้ปัญหาประมงที่เราทำเกินที่ไอยูยูกำหนด เราจะปลดล็อกจากไอยูยู
ส่วนเงินที่จะเอามาทำงาน เป็นเงินที่อยู่ในระบบอยู่แล้ว แต่ไม่เอามาใช้ เช่น กองทุนวายุภักดิ์
นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งสำคัญเรามีประสบการณ์มาแล้ว เราต้องเปลี่ยนหลังรัฐประหารเมื่อปี 2557 คำว่าเปลี่ยนเราจะเริ่มจากกลไกสำคัญ เปลี่ยนรัฐอุปสรรค มาเป็นรัฐบริการและส่งเสริม คือทำให้ประชาชน มีรายได้เพิ่มขึ้น มีแผนเรียบร้อยแล้ว
ทำให้เกษตรกรฟื้นคืนมา มีความรู้ให้ปรับเปลี่ยน หาตลาดซึ่งเราต้องดูทั้งในและต่างประเทศ ปลดหนี้เกษตรกรตามที่ ธกส.เราไปดูมาแล้ว การที่เราไปเตรียมก้อนใหญ่ ที่เราจะเติมเงินในประเป๋าดิจิทัล เรามีการจัดการกลไก 6 เดือนน่าจะพร้อมได้
เราเลือกตั้งเสร็จเราก็น่าจะชัดเจนว่า มีใครเป็นรัฐบาล เชิญข้าราชการมาจัดสรรงบเสียก่อน เราดูอยู่แล้วว่า จะเอาตรงไหนไปใช้ตรงไหน งบประมาณปกติจะได้ 3 ล้านล้าน จริง ๆ 4 ปี เรามี 12 ล้านล้าน
ด้าน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ทำอะไรได้เลย มีทั้งไม่ต้องใช้งบทั้งหมด และต้องใช้งบประมาณ ที่ไม่ต้องใช้คือ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า เราจะส่งศิริกัญญา ตันสกุล ไปเป็นรัฐมนตรีคลัง และทำงานนี้ได้เลย
เรื่องต่อมาคือ ช่วยเหลือเกษตรกร จะเป็นเรื่องที่ดินนิคมสหกรณ์นิคมสร้างตนเอง ซึ่งมีที่ดินอยู่ 16.5 ล้านไร่ ไม่ต้องแก้กฎหมาย, การแก้รัฐธรรมนูญ
ส่วนที่ต้องเสียงบประมาณคือ ทำเอสเอ็มอี เบี้ยเด็กเล็ก, กองทุนเสมอภาคทางการศึกษา ถ้าทำทั้งหมดตอนนี้ได้ ผมเห็นประเทศไทยเป็น 3 เหลี่ยม เหมือนโลโก้พรรคก้าวไกล ผมอยากเห็นประเทศไทย กลับหัวเป็นแบบโลกโก้พรรคก้าวไกล
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า เราดูเรื่องเศรษฐกิจก่อน คนตัวเล็ก เปลี่ยนรูปเศรษฐกิจ เป็นรูปลูกรักบี้เสนอกฎหมายหนุนคนตัวเล็ก อย่างแรกปลดล็อก กฎหมายที่กดทับคน 1,400 ฉบับ ที่มักเอาเปรียบคือกฎหมายที่เกี่ยวกับการขออนุญาตและไม่อนุญาต
ดูแลคนตั้งแต่เกิดจนแก่ปีละ 3,600 บาท ต่อคน เราไม่ได้ให้ฟรี ซึ่งเราจะกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เราดูแลการลงทุน ตัดงบประมาณซื้ออาวุธลง เรียนฟรี จบปริญญาตรี เพื่อไม่ให้เป็นหนี้ กยศ.
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เป็นตัวเปิดประเด็นพลังงานเมื่อ 2 เดือนก่อนเรื่องลดราคาน้ำมัน ลดเท่าไหร่ เบนซินลิตรละ 18 บาท ดีเซล 6.30 บาท การกำหนดนโยบายมีทีม 50 คน ที่ระดมกันคิดจนกำหนดตัวเลขนี้ออกมา
2.แก๊สประชาชน ตอนนี้ราคาตกถังละ420 บาทและจะขึ้นเป็น 500 กว่าบาทในปีนี้ และขอลดแก๊ส 15 กก.อยู่แค่ 250 บาทย้อนไปในช่วง 5 นายกรัฐมนตรี
3.ไฟฟ้าประชาชน ตอนนี้ ราคา 4.20 บาท และจะขึ้นเป็น 4.77 สตางค์ จะลดค่าเอฟทีลงมา และถ้าบ้านเหลือหน่วยละ 2.50 บาท และภาคเอกชน โดยจะงดเก็บค่าเอฟที
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลือกตั้ง2566 : “เวทีดีเบตใหญ่” ไทยพีบีเอส : 10 พรรค ตั้งเป้าแก้ 5 ปัญหาใหญ่ระดับชาติ