ทำให้ถูกมองว่า เป็นการพลิกสถานการณ์กลับคืนสู่ความได้เปรียบของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นครั้งแรกก็ว่าไดh
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ถูกมองว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด โดยเฉพาะเมื่อคำร้องของนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ หนึ่งในนักร้องเรียนชื่อดัง ยื่นถึง กกต. หรือกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมแนบบันทึกรายงานการประชุมดังกล่าว พ่วงท้ายไปด้วย
ตอกย้ำโอกาสจะ “โดนสอย” ไม่ทันได้ไปถึงฝั่งฝันมีมากกว่า สอดรับกับนักกฎหมายบางคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนายพิธา ที่พยายามสำทับว่า ในคุณสมบัติต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อ ไม่ว่าจะถือจำนวนมากหรือน้อยเท่าใดก็ตาม
ยิ่งมีข่าววงในว่า มีเรื่องระแคะระคายมาก่อนจากผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ในสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ที่เปิดประเด็นโยงใยถึงหัวหน้าพรรคบางคน ที่ถือหุ้นไอทีวีอยู่ 42,000 หุ้น ก่อนจะมีประเด็นเรื่องถือหุ้นไอทีวีของนายพิธาเกิดขึ้น ทำให้คนพรรคก้าวไกลเชื่อโดยสนิทใจว่า มีการทำเป็นขบวนการ โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือสกัดกั้นไม่ให้นายพิธา ไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
คลิปคำถามผู้ถือหุ้นไอทีวีคนหนึ่ง ที่ตั้งคำถามว่า มีการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหม? มีคำตอบที่ชัดเจนจากนายคิมห์ว่า ไม่มีการดำเนินการใด ๆ ต้องรอจนกว่าคดีความ (ระหว่างไอทีวีกับสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน.) เสร็จสิ้น
ในมุมของพรรคก้าวไกลและด้อมส้ม คือความชัดเจนที่สุด สำหรับสถานภาพปัจจุบันของไอทีวี ที่นักวิชาการและกูรูด้านนิติศาสตร์ กำลังถกเถียงกันหน้าดำคร่ำเคร่งว่า ไอทีวียังเป็นสื่ออยู่หรือไม่
แต่เป็นคำตอบที่ไม่ตรงกับเอกสารบันทึกรายงานการประชุม ซึ่งมีข่าววงในรายงานด้วยว่า ได้มีการลบไฟล์ดังกล่าวออกไปแล้ว
แต่บังเอิญหนึ่งในผู้ถือหุ้นไอทีวี ได้บันทึกเอาไว้ด้วย จึงถือเป็นหลักฐานสำคัญ นำไปสู่การเปิดเบื้องหลังขบวนการฟื้นไอทีวีเป็นสื่อ เพื่อพิฆาตนายพิธาไม่ให้ไปถึงดวงดาว
ขณะที่ในเอกสารบันทึก ที่มีการลงนามทั้งนายคิมห์ ประธานที่ประชุม และกรรมการบริษัทที่เข้าร่วมประชุมอย่างน้อยอีก 4 คน ในจำนวนนี้ รวมทั้งนายจิตชาย มูสิกบุตร กรรมการผู้สอบทาน และแก้ไขด้วย
กลับเป็นบันทึกข้อความว่า เมื่อมีผู้ถือหุ้นถามว่า “มีการดำเนินงานเกี่ยวกับสี่อหรือไม่” คำตอบ คือ “ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ตามวัตฤประสงค์ของบริษัท” (หมายถึงยังทำธุรกิจสื่อ) และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องบันทึกรายงานการประชุมและคลิปคำถามดังกล่าว เชื่อได้ว่าจะต้องมีการตรวจพิสูจน์ทราบเพื่อหาความจริงให้กระจ่างในลำดับต่อไปแน่นอน เพราะปกติโดยทั่วไป การตรวจพยานเอกสาร มักจะอิงอยู่กับเอกสารที่มีการลงชื่อรับรองเสียมากกว่า แต่ในกรณีนี้ เชื่อว่าจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ฝ่ายนายพิธาต้องใช้ในการต่อสู้พิสูจน์ความจริง
ยังไม่นับเรื่องซับซ้อนภายในก่อนจะเกิดปรากฏการณ์ “โป๊ะแตก” ที่ทางพรรคก้าวไกลเชื่อว่า น่าจะทำกันเป็นขบวนการ เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่แค่ความบังเอิญ
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดผู้ถือหุ้นใหญ่ “ไอทีวี” แล้วก็พบ "งูกินหาง"
เด็ด "พิธา" สะเทือน "สารัชถ์" ปมหุ้น ITV สู่ GULF ทุนพลังงาน
"นิกม์ แสงศิรินาวิน" เป็นใคร ในเกมหุ้น ITV เผือกร้อน "ก้าวไกล"