วันนี้ (18 ก.ค.2566) นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) เปิดเผยถึงการพูดคุยกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ก่อนการประชุมกับผู้แทนพรรคการเมือง และผู้แทนสว.ถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ว่าเป็นเพียงการพูดคุยกันธรรมดา ยังไม่มีการหารือเรื่องการเลือกนายกรัฐมนตรีคนนอก
ส่วนการเสนอชื่อนายพิธา ต่อที่ประชุมรัฐสภาวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) นายสมชาย ยอมรับว่า สว. บางส่วนมองว่า อาจจะขัดต่อข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 เพราะชื่อนายพิธา เคยถูกเสนอมาแล้ว และรัฐสภาไม่ได้ให้ความเห็นชอบไปแล้ว และควรจะต้องเสนอเป็นบุคคลอื่น เพื่อให้สถานการณ์เปลี่ยนไปตามที่ข้อบังคับการประชุมกำหนด
วุฒิสภา มีความเห็นว่าชื่อของนายพิธา ไม่ควรถูกเสนอซ้ำกลับมา เพราะถูกตีตกไปแล้ว แต่เมื่อวิปไม่มีข้อยุติ จึงต้องไปหารือกันในที่ประชุมรัฐสภาวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) หากตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องลงมติ
อ่านข่าวเพิ่ม วิป 3 ฝ่าย ไม่ได้ข้อสรุป โหวตนายกฯรอบ 2
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยืนยันจะลงมติ
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยืนยันจะลงมติ "งดออกเสียง" รักษาหลักการ สว.ไม่มีอำนาจโหวตนายกฯ
"หมอพรทิพย์" ยันจุดยืนงดออกเสียง
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ตอบคำถามสื่อหลังรับมอบดอกไม้ให้กำลังใจจาก กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ยืนยันว่าจะลงมติ "งดออกเสียง" ซึ่งมี 2 เหตุผลที่อยากให้สังคมเข้าใจในการขอปิดสวิซ์ตัวเอง
เหตุผลแรกคือพรรคก้าวไกล ไม่เคยถอย และไม่ยอมถอยเกี่ยวกับการแก้ ม.112 อีกเหตุผลคือเห็นด้วยในหลักการ "สว." ไม่ควรมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ มาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว จึงไม่ควรโหวต ซึ่งตัวเองขอยืดหลักการ
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า เคยบอกพรรคก้าวไกล ให้ถอนประเด็นเรื่องการแก้มาตรา 112 ออกไป เพราะมันไม่ใช่เรื่องปากท้องประชาชน และถ้าถอนออก ก็ยินดีลงมติโหวตรับรองนายพิธาให้ แต่ก็เป็นที่ชัดเจนว่าเขาไม่ได้ถอนออก
นอกจากนี้ ยอมรับว่าไม่เคยเจอการเมืองที่เล่นกันผ่านสื่อ แต่ไม่พูดกันตรงๆ ทำไมนายพิธา ไม่มาคุยกับหมอเอง ทำไมถึงส่งคนอื่นมาคุย และเขายืนยันจะไม่แก้ม.112 ดังนั้นจะมาบอกว่าเหตุผลว่าไม่ยอมรับมันไม่ใช่ ทั้งหมดอยู่ที่การกระทำของพรรคก้าวไกล และนายพิธา ทำให้เห็นว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไรไม่ใช่ปัญหาปากท้องของประชาชนที่เขาเลือกอันดับ 1 เหมือนเขาไม่สนใจตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่เราบอกแล้วว่า เราอยากให้เขาทำหน้าที่สำคัญ
พร้อมย้ำว่า ต่อให้ผู้ถูกเสนอชื่อ เป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หรือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนตัว ก็ไม่โหวตสนับสนุนใครทั้งนั้น เพราะยึดหลักการชัดที่ว่า สมาชิกวุฒิสภา ไม่ควรมีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ
ขอยึดหลักการเดิม ใครจะว่าขี้ขลาด หรือไม่อยากทำหน้าที่ไม่ใช่ เพราะถ้ามนุษย์ไม่มีหลักการ กลับไปกลับมา ก็ไม่ใช่ ต่อให้เป็นคุณเศรษฐา หรือ พล.อ.ประวิตร ก็ไม่โหวต ไม่ใช่เพราะไม่ชอบเขา แต่เพราะหลักการของคือยืนยันว่า สว.ไม่ควรมีอำนาจหน้าที่ในการโหวต
อ่านข่าวเพิ่ม ฉากทัศน์การเมือง วันโหวตนายกฯ รอบ 2
พล.อ.อกนิษฐ์ ชี้นโยบายที่มีความกังวลอย่างมากมีเรื่องเดียวคือการแก้ไขม.112
ขณะที่ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สว. ระบุว่า ส่วนตัวมีเกณฑ์ในการตัดสิน เลือกนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนที่ประพฤติปฏิบัติอยู่ในกรอบของกฎหมาย ศาสนา และประพฤติปฏิบัติตัวอยู่ในขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม บุคคลใดมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อนี้จึงจะเลือก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน เช่น การมีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจมาเป็นร้อยปี ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีการเสนอชื่อใครยังคงยึดในหลักการนี้ รวมทั้งหากเปลี่ยนเสนอชื่อนายเศรษฐา แคนดิเดต นายกฯ พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ได้ศึกษานโยบายของทุกพรรค รวมทั้งก้าวไกล พบว่าส่วนใหญ่อยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13 ส่วนนโยบายปฏิรูปกองทัพ ลดกำลังทหาร ปรับการทำงานของ กอ.รมน.ที่พรรคก้าวไกลนำเสนอทางกองทัพก็ดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ติดขัดอะไรที่พรรคก้าวไกลเสนอเรื่องเหล่านี้อีก
นโยบายที่มีความกังวลอย่างมากมีเรื่องเดียวคือการแก้ไขมาตรา 112
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ส่อง "ชัยเกษม นิติสิริ" ว่าที่นายกฯคนที่ 30 ใต้ธงพท.