วันนี้ (12 ส.ค.2566) นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันแม่แห่งชาติ คุณแม่จึงเป็นบุคคลสำคัญที่ลูก ๆ ควรให้ความสำคัญและดูแลสุขภาพของแม่อย่างต่อเนื่อง ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทยหลังจากแม่คลอดลูกแล้วต้องมีการอยู่ไฟ เพื่อปรับธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ ให้เกิดความสมดุล
แม่ที่ตั้งครรภ์ ร่างกายจะเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งหลังคลอดลูกใหม่ ๆ มักจะพบปัญหาสุขภาพใน 3 อาการ ดังนี้ อาการน้ำนมไหลน้อย อาการปวดเมื่อยร่างกายหลังการคลอด ผิวพรรณแตกลายบริเวณหน้าท้อง จึงจำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสุขภาพ
ดูแลสุขภาพหลังคลอด
ตามศาสตร์การแพทย์แผนไทย ฟื้นฟูสุขภาพแม่หลังคลอด ดังนี้ การทำหัตถการ คือ การนวดและประคบสมุนไพร การทับหม้อเกลือ การอบไอน้ำสมุนไพร ช่วยขับน้ำคาวปลา ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น กระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและน้ำเหลืองดีขึ้น ทำให้ผิวพรรณสดใสรักษาอาการปวดเมื่อย และขัดยอก โดยมีข้อกำหนดว่าหากคลอดลูกเองปกติ จะเริ่มกระบวนการการทำหัตถการ 7 วันหลังคลอด แต่หากผ่าตัดคลอด สามารถเริ่มกระบวนการการทำหัตถการ 30 วันหลังคลอด เนื่องจากแผลผ่าตัดหายแล้ว แต่ไม่ควรเกิน 3 เดือน และควรทำต่อเนื่องเป็นเวลา 5-7 วัน อาการดังกล่าวก็จะดีขึ้นเป็นลำดับ
ควรกินอาหารสมุนไพรที่มีรสร้อน ช่วยบำรุงธาตุไฟ กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต เช่น ขิง พริกไทย ดีปลี กระชาย ใบแมงลัก เมนูอาหารที่แนะนำ ได้แก่ แกงเลียง ยำหัวปลี ไก่ผัดขิง ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมพลังให้แม่กลับคืนมาโดยเร็ว และช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้แข็งแรงจะได้มีน้ำนมเลี้ยงดูลูกให้แข็งแรง ส่วนเครื่องดื่มสมุนไพร เช่น น้ำขิง น้ำตะไคร้ น้ำกะเพรา
ยาสมุนไพรสำหรับแม่หลังคลอด คือ ยาประสะไพล สรรพคุณใช้ขับน้ำคาวปลา, ยาปลูกไฟธาตุ สรรพคุณกระตุ้นน้ำนม กระจายเลือดลมในหญิงหลังคลอด, ยาประสะน้ำนม สรรพคุณบำรุงน้ำนม ช่วยเพิ่มปริมาณน้ำนม และ กระตุ้นการไหลของน้ำนมได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ยาประสะไพล และยาปลูกไฟธาตุ มีข้อห้ามในหญิงที่มีอาการตกเลือดหลังคลอด
นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า แม่หลังคลอดมีสิทธิในการฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดตามสิทธิเบิกจ่าย เช่น สิทธิบัตรทอง สิทธิการเบิกจ่ายตรง ดังนี้นวดไทย การประคบสมุนไพร การทับหม้อเกลือ การอบไอน้ำสมุนไพร การได้รับคำแนะนำปฏิบัติตัวสำหรับแม่หลังคลอด มีโรงพยาบาลที่ให้บริการด้านการแพทย์แผนไทยกว่า 500 แห่งทั่วประเทศ