"สุทิน" เข้า "ก.กลาโหม" วันแรก ถือฤกษ์เลขมงคลชีวิต "13-13-13"

"สุทิน" เข้าทำงานกระทรวงกลาโหมวันแรก มอบนโยบาย ผบ.เหล่าทัพ และนายทหารระดับสูง ขับเคลื่อนงานกระทรวงกลาโหมสนองตอบนโยบายรัฐบาลที่เน้นการพัฒนากองทัพ และการจัดซื้ออาวุธเท่าที่จำเป็น

วันนี้ (13 ก.ย.66) หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนปฏิบัติงานที่กระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการ

สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนปฏิบัติงานที่กระทรวงกลาโหมอย่างเป็นทางการ

เริ่มจากบวงสรวงศาลหลักเมือง และไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยรอบศาลหลักเมือง ก่อนจะเดินทางเข้ากระทรวงกลาโหม โดยถือฤกษ์ 13.13 น. หลังจากนั้นได้ถวายราชสักการะและถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาลาว่าการกลาโหม

พร้อมทั้งตรวจแถวกองทหารเกียรติยศผสมสำหรับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม

พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้บัญชาการเหล่าทัพคนปัจจุบัน เช่น พล.อ.ทรงวิทย์ หนุ่มภักดี ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พร้อมด้วยคณะทำงานของนายสุทิน รวมทั้ง พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่จะมาเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมในพิธี

นายสุทิน ได้เข้ารับฟังบรรยายสรุปภารกิจของกระทรวงกลาโหม และมอบนโยบาย ขับเคลื่อนการทำงานให้สอดคล้องกับ นโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา เน้นการพัฒนากองทัพให้ทันสมัยและจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เท่าที่จำเป็น

พร้อมกันนี้นายสุทิน ได้นิมนต์พระอาจารย์สุริยันต์ โฆสปัญโญ วัดป่าวังน้ำเย็น พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดมหาสารคาม ที่นายสุทิน เคารพนับถือมาทำพิธีประพรมน้ำพระพุทธมนต์ และนั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ที่ห้องทำงานของนายสุทิน ตามความเชื่อศรัทธา โดยพระอาจารย์สุริยันต์ ให้กำลังใจนายสุทิน ตัังอยู่บนความพร้อม เพราะการทำพิธีเจิมห้องทำงาน เพื่อให้อยู่เย็นเป็นสุขตามประเพณี แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการทำงาน

มีรายงานว่า ที่นายสุทินถือฤกษ์เลข 13 เป็นเลขมงคลชีวิต เนื่องจากนายสุทิน รับราชการครูวันแรกในวันที่ 13 เป็น สส.สมัยแรก ในสมัยรัฐบาลไทยรักไทย ในวันที่ 13 และหลายเหตุการณ์ในชีวิตที่ตรงกับเลข 13 จึงถือฤกษ์วันที่ 13 กันยายน 66 เวลา 13 น.13 น. เข้ากระทรวงกลาโหมวันแรก ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพลเรือนคนแรกที่ไม่ได้ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี