วันนี้ (4 ต.ค.) นพ.ยงยุทธ วงค์ภิรมย์ศานติ์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเหตุความรุนแรงที่ห้างพารากอนว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 3 นับจากเหตุกราดยิงที่ นครราชสีมา และ ยิงที่ศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู ซึ่งหากมองย้อนไปจะพบว่า มักมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แทบทุกปี แม้จะต่างกรรมต่างวาระ แต่ก็เป็นสัญญานว่าจะต้องแก้ไขเชิงระบบเพื่อป้องกัน มากกว่ามาดราม่าไปกับแต่ละเหตุการณ์ โดยเรื่องปัญหาอาวุธปืน ควรเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขเร่งด่วน เพราะมิเช่นนั้นจะเกิดปัญหาซ้ำรอยกับสหรัฐอเมริกา ที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาการครอบครองอาวุธปืนได้
เตือนระวังเสนอข่าว หวั่นเลียนแบบความรุนแรง
นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า โดยนิยามของการเลียนแบบ จะต้องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน 1 เดือน โดยทั้งนี้เห็นว่า การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนมีผลกับการเลียนแบบ และการจดจำ ทำให้เกิดคนที่มีพฤติกรรม หรือ มีความสุ่มเสี่ยงในจิตใจ อาจก่อเหตุในลักษณะนี้ได้
เห็นควรให้สังคมลดลงและยุติความเกลียดชังกับครอบครัวผู้ก่อเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการขุดคุ้ย ประวัติครอบครัว เพราะทุกคนล้วนแต่เป็นเหยื่อในระบบของสังคมนี้ และจะยิ่งเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
แจ้ง 5 ข้อหา! คดีเด็กชาย 14 ปียิงในพารากอน ส่งตัวศาลเยาวชน
รร. รู้เยาวชน 14 ปีมีปัญหาสภาพจิต วอนอย่าตัดสินเด็กติดเกม
จิตแพทย์เด็ก แนะหยุดส่งต่อความเกลียดชัง หยุดพฤติกรรมเลียนแบบ
นพ.ยงยุทธ ยังเสนอแนวการแก้ไขดังนี้
- พ.ร.บ.อาวุธปืนและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ควรจะต้องสะสางอย่างจริงจัง เนื่องจากมีมานานแล้ว โดยมี รัฐบาลและรัฐสภาเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไข ไม่ใช่เน้น การตรวจนับถือครองที่พบว่ามีถึง 12 ล้านกระบอก โดย พ.ร.บ. อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มีมานาน ยังไม่ได้รับการปรับปรุง
- บริการสุขภาพจิตที่ครอบคลุมทั้งประเทศ จะต้องได้รับการพัฒนาให้ตอบสนองปัญหาสุขภาพจิตที่มากขึ้น ซึ่งมักนำไปสู่ความรุนแรง ควรต้องมีงบประมาณและแผนงานสนับสนุนให้เกิดบริการและกำลังคนอย่างจริงจัง
- หน่วยงานที่มีผู้ถืออาวุธ ก็ต้องจัดการเชิงระบบในการดูแลบุคคลากร ไม่ใช่แค่เข้มงวดการอนุมัติการครอบครองอาวุธปืนใหม่ ซึ่งแก้ไขอะไรได้ไม่มาก