วันนี้ (18 ต.ค.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงสถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอลว่า มีรายงานคนไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 คน ทำให้ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 30 คน ส่วนผู้บาดเจ็บและตัวประกันยังมีตัวเลขเท่าเดิม นอกจากนี้ได้พบปะกับนายอันโตนิโอ กุเตอเรส เลขาธิการสหประชา ชาติ (UN) และผู้นำหลายประเทศ ระหว่างงานเลี้ยงรับรองที่ประธานาธิบดีจี สี จิ้นผิง เป็นเจ้าภาพ ทุกคนแสดงความห่วงใยกับสถานการณ์ที่อิสราเอล และทุกคนมั่นใจว่าสถานการณ์จะเคลื่อนไปในทิศทางที่ไม่ค่อยดี
นายเศรษฐา กล่าวอีกว่า แจ้งกับเลขาธิการยูเอ็นว่า ไทยเป็นประเทศที่ไม่ได้อยู่ในความขัดแย้ง แต่กลับเป็นผู้ที่สูญเสียมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐฯ ทางเลขาฯ ยูเอ็นแสดงความตกใจ และแสดงความเห็นใจมายังประเทศไทยโดยวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) เลขาธิการยูเอ็น เดินทางไปอียิปต์ และไปยังจุดที่มีความขัดแย้ง ซึ่งเข้าใจว่าไปกดดันให้มีการยุติโดยสันติภาพให้เร็วที่สุด แต่ก็เชื่อว่าสถานการณ์ก็ไม่ดีเท่าไร และแสดงความห่วงใยอย่างมาก
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พบประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง
ขณะเดียวกันผู้นำหลายประเทศที่เกี่ยวข้องโดยตรงก็พยายามเดินทางเข้าไปเจรจา ล่าสุด นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็เตรียมเข้าไป เช่นเดียวกับประเทศอียิปต์ก็มีส่วนร่วมในการช่วยเจรจา ซึ่งทุกประเทศเป็นห่วงสถานการณ์ เนื่องจากเห็นว่าไม่น่าจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี
อ่านข่าว แห่อพยพ! กาซาตอนใต้คนแออัด-ขาดแคลนขั้นวิกฤต
เร่งอพยพคนให้ได้วันละ 600 คน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือคนไทยกลับประเทศด้วยว่า ปัจจุบันสามารถนำตัวคนไทยออกมาได้เฉลี่ย 400 คนต่อวัน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนการกลับไทยเพิ่มขึ้นวันละ 600 คน ดังนั้นความจำเป็นในการนำเครื่องบิน A380 ซึ่งสามารถรองรับได้เที่ยวละ 500-600 คน
ยังไม่สามารถนำคนมารวมกันไว้ได้เยอะ เพราะสถานที่ไม่สามารถรองรับได้ แต่มั่นใจว่าจะบคนไทยที่แจ้งความประสงค์เดินทางกลับได้หมดภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้
แรงงานไทยที่อพยพกลับถึงไทยช่วงค่ำวานนี้
ลำเลียงคนจากพื้นที่เสี่ยงยาก
นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศได้ติดต่อกับท่าเรือ เพราะบางประเทศได้นำเรือสำราญไปรับคนออกมา เช่น สหรัฐฯ ไปรับออกมา 1,500–2,000 คน ออกมาจากอิสราเอลแล้วไปจอดไซปรัส ขณะนี้ท่าเรือปิดแล้ว หากไทยขอไปอีกอาจลำบาก มีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น อีกทั้งการรับคนออกมาจากพื้นที่เสี่ยงมารวบรวมไว้เป็นพันคนไม่ใช่เรื่องง่าย เรื่องโลจิสติกส์เป็นเรื่องที่ลำบากใจมาก
อ่านข่าว ทอ.บินรับ 145 คนไทยในอิสราเอลรอบ 2 กลับถึงไทย 19 ต.ค.
นายกรัฐมนตรียอมรับว่าเรื่องความสับสนทางข้อมูลก็มีประเด็น เพราะก่อนหน้านี้เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย แจ้งว่าสามารถอพยพคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงได้ถึง 99% ซึ่งความจริงแล้วยังไม่ใช่ เพราะจากเที่ยวบินล่าสุดมีคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะกลับ ยังไม่สามารถออกจากพื้นที่นั้นได้หลายสิบคน ทำให้คนที่เดินทางกลับลดน้อยลง จึงเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงหากสถานการณ์การสู้รบของทั้งสองฝ่ายรุนแรงขึ้น จะทำให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องนำคนไทยออกมาให้ได้มากที่สุด
อ่านข่าว "ฮามาส" เผยจับตัวประกัน 200-250 คน จะปล่อยตัวชาวต่างชาติ
ขอให้ตัดสินใจ-หน้าที่รัฐบาลคือพากลับบ้าน
โดยจะต้องประสานด้านโลจิสติกส์ให้ดีว่าหากนำตัวออกจากพื้นที่เสี่ยงได้แล้วจะทำอย่างไร และขณะนี้ฝ่ายความมั่นคง โดยผู้บัญชาการทหารสูงสุดก็พยายามติดต่อประสานเพื่อนำคนไทยออกมาให้ได้เร็ว และปลอดภัยที่สุด แต่การลำเลียงคนออกจากพื้นที่สีแดงไม่ใช่ทำได้ตลอดเวลา ต้องดูเรื่องเวลาด้วย ยืนยันว่า รัฐบาลพยายามเจรจา และดำเนินการหลายๆ อย่าง
อยากให้คนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ เร่งตัดสินใจว่าจะกลับหรือไม่กลับ เพราะความเสี่ยงอยู่ที่ตัวท่าน ถ้าจะกลับเป็นหน้าที่รัฐบาลที่ต้องทำอย่างเต็มความสามารถ เพื่อลำเลียงคนออกมาให้เร็ว ปลอดภัยที่สุด
อ่านข่าว
266 แรงงานไทยในอิสราเอลถึงไทย หลายคนหวั่นอันตรายไม่กลับไปอีก