วันนี้ (14 พ.ย.2566) นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณรัฐบาลที่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของเกษตรกร โดยออกมาตรการพักชำระหนี้ ธ.ก.ส. 3 ปี สำหรับเกษตรกรรายย่อย ภาระต้นเงินรวมทุกสัญญาไม่เกิน 300,000 บาท เนื่องจากมาตรการดังกล่าวจะช่วยชาวนาให้ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการเงินและสภาพคล่องได้มาก และมีรายได้เหลือมากขึ้น ลดการก่อหนี้นอกระบบเพิ่มและทำให้มีทุนหมุนเวียนในรอบต่อไป
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ ในฐานะ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย
โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตผู้ปลูกข้าว จำนวนเงินไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ เพราะโครงการนี้มีความสำคัญต่อชาวนาเป็นอย่างมาก ช่วยให้เกษตรกรชาวนาได้นำเงินส่วนนี้ไปเป็นทุนสำหรับฤดูการผลิตรอบถัดไป
หรือนำไปต่อยอดพัฒนาปรับปรุงแปลงนาของตนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และโครงชะลอการขาย โดยเฉพาะชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลิ และข้าวเหนียว เพราะชาวนามียุ้งฉางของต้นเองจะได้รับประโยชน์โดยตรง ทั้งค่าเก็บฝากตันละ1,500 บาท
หากราคาอยู่ในระดับพอใจ ชาวนาก็ไถ่ถอนออกมาขายได้ หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้เงินก็ค่อยๆนำออกมาขายสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวนาที่ยังมียุ้งฉางอยู่ ถือเป็นการดำเนินการโดยชาวนาเองที่เป็นเจ้าของข้าวเอง
นายปราโมทย์ กล่าวต่อว่า อยากฝากถึงเกษตรกรว่า แม้จะมีการพักหนี้ แต่ก็ยังจำเป็นต้อง ควบคุมเรื่องวินัยการเงินอย่างมาก เพราะยอดหนี้ทั้งหมดก็ยังคงอยู่ เมื่อครบ 3 ปี ก็ยังจะต้องชำระคืนต่อเช่นเดิม
ส่วนเงินช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท ก็ควรที่จะนำไปใช้ให้ตรงวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุด คือนำไปพัฒนาปรับปรุงแปลงนาให้มีประสิทธิภาพจริง โดยคำนึงถึงเสมอว่าเงินส่วนนี้เป็นเงินทุนที่จะต้องนำไปลงทุนต่อยอด และต้องไม่นำไปใช้จับจ่ายในสิ่งที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์หรือสูญเปล่า
โดยล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไฟเขียวเงินช่วยเหลือชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท ซึ่งจะต้องหารือกับ ธกส.ก่อนในดำเนินการนับตั้งแต่มติครม. ออกเป็นเป็นต้นไป คาดว่าอย่างเร็วเป็นวันศุกร์หรือจันทร์นี้ และเริ่มจ่ายเงินภายในกรอบระยะเวลา 1 เดือนหลังจากนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ไร่ละ 1,000 ! ชาวนา 4.68 ล้านครัวเรือน รับเงินช่วยเหลือ พ.ย.นี้