"แพทองธาร" ดันภาพยนตร์ - ดนตรี สตาร์ทซอฟต์พาวเวอร์นัดแรก

วันนี้ (5 ม.ค.2567) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 4 ม.ค. ครั้งแรกของปี 2567 มี 3 ประเด็นสำคัญ คือ การแก้ไขกฎหมายพิจารณาในประเด็นภาพยนตร์ที่ห้ามฉายในราชอาณาจักร การจัดตั้ง One Stop Service ของสาขาภายใต้ซอฟต์พาวเวอร์ และความก้าวหน้าของ พ.ร.บ. THACCA

โดยเฉพาะการจัดเรตติ้งของภาพยนตร์ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์จากภาคเอกชนในประเด็นความไม่สมเหตุสมผลของกฎเกณฑ์ต่างๆ เช่น จากเดิมคณะกรรมการละ 7 คน ประกอบด้วย ราชการไม่เกิน 4 คน และภาคเอกชนไม่เกิน 3 คน เปลี่ยนเป็นคณะกรรมการละ 5 คน ภาคราชการ 2 คน และภาคเอกซน 3 คน อีกทั้งได้เพิ่มจำนวนคณะกรรมการ จากเดิม 6 คณะ เพิ่มเป็นจำนวนรวม 10 คณะ

ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อลดความเข้มงวดของประเภทภาพยนตร์ที่ห้ามฉายในไทยให้เหลือเพียงข้อกำหนดเดียว คือ หากภาพยนตร์มีเนื้อหาที่กระทบกระเทือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ส่วนประเด็นอื่นๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนของการรอรับฟังความเห็นจากภาคของประชาชนเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปีนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: "บอร์ดซอฟต์พาวเวอร์" ทุ่ม 5,164 ล้านบาท ดัน "เฟสติวัล-อาหาร-ท่องเที่ยว"

Soft Power คืออะไร ? รวม “ของไทย” ปังจริงในหมู่ชาวต่างชาติ

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในอนาคตจะมีสภาการภาพยนตร์ไทยภายใต้ THACCA ที่มาทำหน้าที่สนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ เปลี่ยนบทบาทจากการที่ภาครัฐเป็นผู้ควบคุมเป็นการสนับสนุนเสรีภาพทางความคิดสร้างสรรค์ของศิลปินมากขึ้นเร่งจัดตั้ง One Stop Service (OSS) เพื่ออำนวยความสะดวกในการส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์แบบครบวงจร ตั้งเป้าให้เกิดการติดต่อและรับบริการภาครัฐลดระยะเวลาลง ลดขั้นตอนให้เกิดความรวดเร็วขึ้น โดยริเริ่มในอุตสาหกรรมนำร่องใน สาขาภาพยนตร์และสาขาดนตรี

ส่วนความคืบหน้า ร่าง พ.ร.บ. THACCA กฎหมายหลักในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ อยู่ระหว่างการตรวจสอบและรับฟังความเห็นต่อไป คาดนำเสนอเพื่อให้ทางสภาฯ พิจารณาในช่วงประมาณกลางปีนี้ ก่อนจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการต่อไป

ด้าน นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะกรรมการฯ กล่าวว่า งบประมาณของปี 2567 อยู่ในขั้นตอนการพิจารณางบประมาณในรัฐสภาเกือบ 1,000 ล้านบาท และอีกประมาณ 2,500 ล้านบาท ที่มีความเร่งด่วนจะขอรับการจัดสรรจากงบกลาง ส่วนที่เหลืออีกกว่า 2,000 ล้านบาท จะยกไปเป็นคำของบประมาณบางส่วนของปีถัดไป ปี 2568 ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ได้กำหนดนัดประชุมครั้งต่อไป ในศุกร์วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่กระทรวงการต่างประเทศ

อ่านข่าวอื่นๆ: หนีจน ! เกษตรกรต้องปรับตัว สนค.ชี้ชาวนามีหนี้ "สวนทางรายรับ"

"บัตรเครดิต ดิจิทัล" ไร้ข้อมูล-สกัดโจรกรรม