วันนี้ (9 ม.ค.2567) นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต นายกรัฐ มนตรีกัมพูชา ตามคำเชิญของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ซึ่งจะมีการหารือถึงผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่พูดคุย และเจรจากันมาอย่างยาวนาน ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ยังไม่ได้มีการพิจารณาถึงกรณีความรับผิดชอบในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลและในส่วนของดินแดน
เมื่อถามว่าหากกต.ยังไม่มีกรอบ ก.พ.2567 จะหารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในประเด็นใดนายปานปรีย์ ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่า ฝ่ายใดจะเป็นผู้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งหากเป็นฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้เสนอก็จะนำไปพิจารณา
ส่วนจะยึดตาม MOU ปี 2544 หรือไม่นั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า มีการแบ่งเป็น 2 ส่วน เป็นเรื่องเกี่ยวกับดินแดน และอีกส่วนเป็นเรื่องการแบ่งปันผลประโยชน์ ยังไม่แน่ใจว่าการที่เจรจากันอยู่ในขณะนี้เป็นเรื่องของการแบ่งผลประโยชน์หรือไม่ แต่หากเป็นเรื่องของดินแดนมีคณะกรรมการดูแลอยู่ ในขณะนี้ก็ยังไม่ได้มีการประชุมกัน เพราะเราเพิ่งเข้ามาเป็นรัฐบาลใหม่ ซึ่งถ้าหากเป็นเรื่องของการแบ่งปันผลประโยชน์ ก็จะเป็นเรื่องของกระทรวงพลังงานเป็นผู้ดูแล
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รมว.ต่างประเทศ
เมื่อถามว่าในส่วนของข้อกฎหมายระหว่างประเทศ ที่จะต้องมาพิจารณาด้วยหรือไม่นั้น นายปานปรีย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณา ยังไม่ได้มีการประชุมกัน ซึ่งปกติแล้วเป็นเรื่องของคณะกรรมการที่จะต้องไปดำเนินการประชุม
ส่วนจะมีการเรียกประชุมก่อนที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชา จะเดินทางมาเยือนไทยหรือไม่นั้นยังไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีนโยบาย ซึ่งของเดิมที่มีพลอ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคในขณะนั้น ได้ตั้งคณะทำงานมา 2 ชุด คือชุดที่ว่าด้วยการแบ่งเขตทางทะเล และชุดที่ว่าด้วยระบอบการพัฒนาร่วม
ทั้งนี้ทุกอย่างต้องรอความชัดเจนในวันที่ 7 ก.พ.นี้ ต้องรอให้นายเศรษฐา และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้เจอกันก่อน และหลังจากนั้นจะเป็นหน้าที่ของแต่ละกระทรวง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องไปดำเนินการ
อ่านข่าว
"เศรษฐา" มอบคำขวัญวันครู "ครูวางฐานคิด ส่งเสริมศิษย์สร้างสรรค์"