วันนี้ (19 ก.พ.2567) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ได้รับการพักโทษ ว่า กรณีของนายทักษิณ รัฐบาลไม่ตระหนักถึงหลักนิติธรรมตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา ทุกอย่างเป็นความลับช่วยปกปิดความจริงกันอย่างเป็นระบบ หลักนิติธรรมถูกทำลาย อำนาจตุลาการถูกท้าทายจากอำนาจราชทัณฑ์ซึ่งเป็นปลายทางของกระบวนการยุติธรรม
"ที่บอกว่านายทักษิณได้รับโทษจำคุกถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลารวม 6 เดือน ชัดเจนจากข้อเท็จจริงว่า นายทักษิณไม่ได้ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว ป่วยจริงหรือไม่ รักษาตัวอยู่จริงหรือไม่ ประชาชนรู้ทัน บุคคลที่อยู่ในระบบทักษิณถวิลหาความยุติธรรมที่เท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ แต่ก็เป็นแค่ลมที่ผ่านออกมาจากปาก ไม่ใช่คำพูดที่เกิดจากสามัญสำนึก แต่เป็นการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน ไร้ความเท่าเทียม เหยียบย้ำอำนาจศาล ไร้ซึ่งหลักนิติธรรม ถ้ากระบวนการยุติธรรมในขั้นตอนการบังคับโทษเป็นเช่นนี้ แล้วหลักการของบ้านเมืองจะเหลืออะไร ประชาชนจะพึ่งหวังกระบวนการได้อย่างไร" นายราเมศกล่าว
นายราเมศ ระบุอีกว่า ในประเด็นของกระบวนการพักโทษ แม้เป็นหลักการที่ราชทัณฑ์ใช้กับนักโทษทั่วไป แต่ประชาชนมีความติดใจเรื่องการจำคุกจริงหรือไม่ และเรื่องนี้ พรรคประชาธิปัตย์เคยเสนอร่างแก้ไขพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ กับคณะ ต่อสภาชุดที่ผ่านมา แต่ญัตติได้ตกไปเนื่องจากหมดวาระของสภาชุดดังกล่าว
ดังนั้น ตนในฐานะกรรมการบริหารพรรคฯ จะนำกฎหมายฉบับนี้มาปรับปรุงและเสนอต่อที่ประชุม สส. โดยจะให้มีการแก้ไขเรื่องอำนาจในบางเรื่องของกรมราชทัณฑ์ เพื่อให้เป็นไปตามหลักกระบวนการยุติธรรมและรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย เมื่อพรรคพิจารณาแล้วจะยื่นเป็นญัตติใหม่ในการประชุมสภาชุดนี้
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัต
ส่วนสาระสำคัญของร่างฯ ฉบับนี้ นายราเมศ กล่าวว่า ได้มองเห็นปัญหาการบังคับโทษในส่วนของกรมราชทัณฑ์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีคณะกรรมการอิสระเพื่อพิจารณาประโยชน์ของผู้ต้องขัง เนื่องจากเมื่อศาลตัดสินไปแล้ว แต่ศาลไม่มีอำนาจในการพิเคราะห์พิจารณาว่าจะให้มีการลดโทษหรือพักโทษกับนักโทษคดีนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งคณะกรรมการฯ ชุดดังกล่าวควรจะมีโครงสร้างที่มีตัวแทนจากผู้พิพากษาในศาลฎีกา ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เป็นต้น
นายราเมศ กล่าวเพิ่มเติมว่า การแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าวเพื่อให้คงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐ นิติธรรม ปลายทางของกระบวนการยุติธรรมและการใช้อำนาจของกรมราชทัณฑ์อย่างแท้จริง ซึ่งพรรคการเมืองต้องมีวุฒิภาวะในการตรวจสอบและดำเนินการให้บ้านเมืองมีกฎเกณฑ์ มีกติกาภายใต้ระบบนิติรัฐ ฉะนั้นความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากถูกด้อยค่าให้ลดน้อยถอยลงจากองค์กรใดองค์กรหนึ่ง ก็แสดงว่ากำลังเกิดอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมาย
ไม่มีใครสามารถอ้างได้ว่าเป็นโรคเช่นเดียวกับคุณทักษิณ ต่อไปอาจมีคนอ้างในระหว่างที่ถูกคุมขังได้ว่า ผมเป็นโรคคุณทักษิณ เมื่อเป็นโรคคุณทักษิณก็สามารถไปรักษาที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องมีใครรู้ ไม่ต้องมีใครทราบว่าจะรักษายังไง ผมไม่อยากให้เกิดทักษิณโมเดลในปลายทางของกระบวนการยุติธรรม นายราเมศกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"อัยการ" ชี้สภาพ"ทักษิณ"ป่วยขั้นวิกฤต "ภูมิธรรม" เอ็นหัวไหล่ขาด
ยังไม่จบคดี ม.112 อัยการนัด "ทักษิณ" 10 เม.ย.นี้
"ทักษิณ" ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า นั่งรถเข็น พบ อสส.แจงคดี ม.112