วันนี้ (24 มี.ค.2567) นายปฐวี อายุ 30 ปี พร้อม น.ส.เบ็ญจา สองแม่ลูก เข้าขอความช่วยเหลือจากเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นใช้อาวุธมีดรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ
นายปฐวี เล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา ขณะไปทำธุระกับแฟนสาวภายในซอยรามอินทรา 117 เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ มีวัยรุ่น 2 คน ขับรถจักรยานมาหาเรื่อง และใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่บริเวณศีรษะจนได้รับบาดเจ็บ กระทั่งชาวบ้านในละแวกนั้นมาช่วยห้ามปราม ก่อนตัวเองจะขับรถจักรยานยนต์ไปขอความช่วยเหลือกู้ภัยให้นำตัวส่งโรงพยาบาล
หลังออกจากโรงพยาบาลมานอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องพักของแม่ตนเองภายในซอยเสรีไทย 32 วัยรุ่นที่รุมทำร้ายได้ตามมาถึงห้องพัก ช่วงเวลา 03.00 น. จำนวน 4-5 คน ในจำนวนนี้มีแฟนสาวขอตนเองอยู่ด้วย โดยพยายามพังประตูไม้เพื่อเข้ามาทำร้าย จนประตูได้รับความเสียหาย แต่ไม่สามารถเข้ามาได้ เนื่องจากมีประตูเหล็กอีก 1 ชั้น
ขณะกลุ่มผู้ก่อเหตุอีกจำนวนหนึ่ง ได้ลงมือทุบรถจักรยานต์ของตนเองที่จอดอยู่ใต้คอนโดพังจนเสียหาย ส่วนสาเหตุเชื่อว่าแฟนสาวของตนเองน่าจะเป็นคนชี้เป้า และตะโกนบอกให้กลุ่มวัยรุ่นคนดังกล่าวเข้ามาทำร้าย เนื่องจากก่อนหน้านี้มีปัญหาทะเลาะกับแฟน และอาจจะเข้าใจว่าตนเองพยายามขอเลิก
ด้าน น.ส.เบญจา แม่ของผู้ได้รับบาดเจ็บ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในคืนวันนั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุกระทำอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งนาทีที่กลุ่มวัยรุ่นพยายามพังประตูเข้ามา ได้ตัดสินใจกับลูกชายว่าหากกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเข้ามาภายในห้องได้ จะกระโดดลงจากชั้น 4 เพื่อหนีเอาตัวรอด เพราะหากอยู่ก็อาจจะโดนทำร้ายจนถึงแก่ความตาย แต่หากกระโดดลงไปอาจจะมีโอกาสรอดมากกว่า แต่เมื่อกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวเห็นว่า ตนเองพยายามโทรแจ้งตำรวจจึงลดความพยายามและออกจากที่เกิดเหตุไป
นอกจากนี้ ภายหลังก่อเหตุแล้วได้ใช้เบอร์โทรศัพท์ของแฟนลูกชาย โทรมาข่มขู่ลูกว่าจะเอาถึงชีวิต โดยแอบอ้างว่าเป็นลูกเจ้าของปั๊มน้ำมัน หากว่าทางผู้เสียหายแจ้งความก็มีเงินสู้คดี ซึ่งครอบครัวได้ไปแจ้งความกรณีถูกทำร้ายร่างกายที่ สน.มีนบุรี ส่วนในข้อหาบุกรุกเคหสถานในยามวิกาล ได้ไปแจ้งความที่ สน.บึงกุ่ม แต่พนักงานสอบสวนกับลงบันทึกประจำวันไว้เท่านั้น
สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุดังกล่าว เป็นกลุ่มเดียวกับที่ไปก่อเหตุทำร้ายอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทั้งหมดถูกควบคุมตัวไปดำเนินคดีเบื้องต้นแล้ว โดยอ้างว่าไม่พอใจที่กู้ภัยไม่พาไปส่งโรงพยาบาล และคาดว่าได้รับบาดเจ็บจากเหตุที่พยายามพังประตูบ้านผู้เสียหาย
ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และจะติดตามคดีกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยตั้งข้อสงสัยถึงการทำงานของตำรวจ สน.บึงกุ่ม ที่เข้าระงับเหตุล่าช้า และไม่ได้รับแจ้งความในคดีดังกล่าว
ส่วนการดำเนินคดี เบื้องต้นเกิดเหตุใน 2 พื้นที่ ทั้ง สน.มีนบุรี ในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายจนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานว่าจะเข้าข่ายร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นหรือไม่ ส่วนกรณีบุกรุกเคหะสถานในยามวิกาลทางครอบครัวผู้เสียหายจะต้องนำหลักฐานไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บึงกุ่ม อีกครั้ง
สำหรับคดีที่ทำร้ายอาสาสมัครกู้ภัยได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว แจ้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น พร้อมนำตัวส่งฝากขังศาลอาญามีนบุรี และศาลเยาวชนและครอบครัวกลางสาขามีนบุรีแล้ว เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา