#Saveแกงไตปลา ติดอันดับเทรนด์แอปพลิเคชัน X หลังจากมีข่าวเว็บไซต์ TasteAtlas เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลอาหารจากทั่วโลก จัดอันดับ 1 แกงไตปลา อาหารติดครัวของคนภาคใต้ เป็นอันดับ 1 จาก 100 เมนูยอดแย่ประเภทของอาหาร ส่วนผสมและร้านอาหาร
เว็บไซต์ TasteAtlas ระบุว่า แกงไตปลา มีส่วนผสมจากปลาหมักไตปลา กะปิ มะเขือหน่อไม้ ตะไคร้ ขมิ้น หอมแดง ทั้งนี้แกงไตปลา มีต้นกำเนิดจากภาคใต้ของประเทศไทย
เนื่องจากความเข้มข้นและกลิ่นหอมฉุน แกงไตปลา จึงรับประทานคู่กับข้าวสวยเป็นเครื่องเคียงได้ดีที่สุด เดิมทีแกงไทยนี้ปรุงด้วยปลาเท่านั้น แต่เนื่องจากความเข้มข้นและกลิ่นหอมฉุน จึงต้องคู่กับข้าวสวยเป็นเครื่องเคียงได้ดีที่สุด เดิมทีแกงไทยนี้ปรุงด้วยปลาเท่านั้น
นอกจากนี้ใน 10 อันดับแรกที่ TasteAtlas จัดอันดับมีดังนี้
- อันดับ 1 แกงไตปลา ประเทศไทย
- อันดับ 2 Hakarl (ฮาคาร์ล) จากไฮซ์แลนด์
- อันดับ 3 Fesikh (เฟสซิก) จากอียิปต์
- อันดับ 4 Yerushalmi Kugel (เยรูชาลมี คูเกล) จากอิสราเอล
- อันดับ 5 Luther Burger (ลูเธอร์ เบอร์เกอร์) จากสหรัฐอเมริกา
- อันดับ 6 Pani ca meusa (ปานี กา มูซา) จากอิตาลี
- อันดับ 7 Jellied Eels (เจลลี่ อีล - ปลาไหลเยลลี่) จากอังกฤษ
- อันดับ 8 Calskrove (คาลสโกรฟ) จากสวีเดน
- อันดับ 9 Peladillas (เพลลา ดิลลาส) จากสเปน
- อันดับ 10 Smalahove (สมาลาโฮฟ) จากนอร์เวย์
รสชาติถูกลิ้นคนไทย-แต่อาจไม่ใช่คนทั้งโลก
ขณะที่จากการสอบถามความเห็นจากคนที่เป็นลูกหลานคนใต้ และคุ้นชินกับเมนูแกงไตปลา ก็เสียงแตกมีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยบ้างว่า ฉุน เค็ม ไม่อร่อยเช่น บางคนบอกว่า แกงไตปลา เป็นอาหารพื้นเมืองภาคใต้ ที่ทำมาจากการนำเครื่องในปลามาหมัก ก่อนจะทำเป็นแกง โดยมีส่วนผสม เช่น เนื้อปลาย่าง ส่วนผักต่าง ๆ คือ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ สะตอ มันขี้หนู มะเขือเปาะ หน่อไม้ มันขี้หนู ฯลฯ
ซึ่งเมื่อสุกหอมดีแล้ว จึงนำมารับประทานกับข้าวหรือ ขนมจีน ก็ได้ โดยแกล้มกับผักต่าง ๆ เช่น แตงกวา ถั่วฝักยาว ลูกเหรียง สะตอ ฯลฯ
รสชาติของแกงไตปลา จะมีรสชาติเฉพาะ มีความเค็มเผ็ด และเป็นอาหารหมักดองพื้นถิ่น ประเภทเดียวกับ น้ำปู๋ ในภาคเหนือ หรือปลาร้า ในภาคอีสาน
รสชาติอาหารเป็นรสนิยมส่วนตัว ไม่ควรตัดสินว่าดีไม่ดี แต่อาจจะบอกว่า อร่อยหรือไม่อร่อยได้ แต่การใช้ประโยคแบบนี้ เป็นการเหยียดกันเกินไป
ส่วนกลุ่มที่มีอายุกลางคน มองว่าเป็นอาหารใต้ที่กินยาก ถ้าเทียบกับเมนูอื่นๆ เช่น แกงเหลือง ข้าวยำน้ำบูดู
ส่วนลูกหลานคนนครฯ อีกคน บอกว่า แกงไตปลา คนใต้เรียกว่า "แกงพุงปลา" เพราะทำมาจากไส้ปลา เครื่องในปลาที่อยู่ในพุงปลา (โดยหั่นเอาถุงน้ำดีออก จะได้ไม่ขม) แล้วก็เอา "พุงปลา" ที่ได้มาเคล้าเกลือ แล้วหมักทิ้งไว้จนได้ที่ จะมีกลิ่นหอม มีน้ำมันลอยหน้า ก่อนที่จะเอามาแกงต้องนำ "พุงปลา" ที่หมักได้ที่มาต้มใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เพื่อดับคาว
เป็นเมนูที่มีรสชาติ เค็มนำ เผ็ดตาม และหอมกลิ่นสมุนไพร ยิ่งถ้าได้กินกับ ขนมจีน หรือ ข้าวไข่เจียว หรอยแรงนิ
รู้จัก "แกงไตปลา"
“แกงไตปลา ” เป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของภาคใต้ด้วยรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งเผ็ดและร้อนแรง รสเข้มข้นด้วยส่วนผสมที่ลงตัว จะเลือกรับประทานร่วมกับข้าวหรือขนมจีนก็อร่อยไม่แพ้กัน แกงไตปลามีทั้งชนิดไม่ใส่กะทิและใส่กะทิ สำหรับแกงไตปลาไม่ใส่กะทิ จะได้รับความนิยมมากกว่าแกงไตปลาชนิดใส่กะทิ
คำว่า "ไตปลา" ก็คือ พุงปลาที่นำไปหมัก การหมักก็ต้องอาศัยเกลือ ก็แน่นอนว่าไตปลาต้องมีความเค็ม เพราะฉะนั้นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของแกงไตปลาก็คือ เผ็ด ร้อน และเค็ม เวลาที่นำมาปรุงก็จะปรุงได้สองแบบคือแบบใส่กะทิ กับไม่ใส่กะทิ ส่วนใหญ่แกงไตปลาที่นิยมกันทั่วไปคือ แกงไตปลาที่ไม่ใส่กะทิ ซึ่งก็เป็นข้อดี เพราะการใส่กะทิจะทำให้ไขมันเพิ่มมากขึ้น แกงไตปลานั้น มีทั้งความเค็มและความเผ็ด แล้วถ้าเพิ่มความมันอีก ก็ทำให้เวลารับประทานทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพได้
ข้อมูลจาก ตำรับอาหารไทย มหาวิทยาลัยมหิดล
อ่านข่าว :
ผุดศูนย์จับลิงลพบุรีตั้งเป้า 800 ตัว ยันไม่ย้ายไป "เขาใหญ่"
ยื่นภาษี 2566 วันสุดท้ายวันไหน หากไม่ทันต้องทำอย่างไร
ระบาย "น้ำมูล" อวด “แก่งสะพือ” รับสงกรานต์ ความม่วนซื่นที่ถูกถาม คุ้ม-ไม่คุ้ม?