ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

สคล. ถอดบทเรียนสงกรานต์ พบค่าย "น้ำเมา" ทำผิด กม. เพียบ!

สังคม
16 เม.ย. 67
11:17
782
Logo Thai PBS
สคล. ถอดบทเรียนสงกรานต์ พบค่าย "น้ำเมา" ทำผิด กม. เพียบ!
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) เฝ้าระวังการตลาดน้ำเมา พบผิดกฎหมายกว่า 73 จุด ถอดบทเรียนสงกรานต์ทำ Music Marketing ทั่วไทย จี้รัฐกำหนดมาตรการเฉพาะกิจให้อำนาจผู้ว่าฯ พิจารณาในการจัดงานช่วงเทศกาลขนาดใหญ่ พร้อมหนุนพื้นที่ทำกิจกรรมปลอดเหล้า

เมื่อวันที่ 15 เม.ย.2567 เว็บไซต์ www.hfocus.org รายงานว่า นายธีระ วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า สคล.ร่วมกับอาสาสมัครเฝ้าระวังการตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ พร้อมติดตามการตลาดของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ 3 ราย ในเทศกาลสงกรานต์ ระหว่าง 13-14 เม.ย.2567

นายธีระ วัชรปราณี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

นายธีระ วัชรปราณี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

นายธีระ วัชรปราณี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)

พบว่า ธุรกิจเหล้าเบียร์ ใช้การตลาดแบบ Music Marketing ระดมนักร้อง นักแสดง เดินสายทั่วประเทศ โดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงโซเชียลมีเดีย ในการจัดกิจกรรมกว่า 73 แห่ง จัดบริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเครือข่ายดัง และห้างฯ ในท้องถิ่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ ลานกิจกรรม

โดยส่วนใหญ่เป็นลักษณะฟรีคอนเสิร์ต และส่วนน้อยที่จัดแบบล้อมรั้วขายบัตร โดยใช้ตราสัญลักษณ์ (โลโก้) น้ำดื่มหรือโซดาโฆษณาบังหน้า แต่ที่จริงเป็นการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เต็มๆ ซึ่งลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตาม ม.32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในการทำโฆษณาสื่อสารการตลาด

ผอ.สคล. กล่าวว่า พบว่าค่ายเบียร์ นอกจากระดมจัดคอนเสริต์แล้ว ยังใช้ร้านค้าย่อยกว่าแสนจุดที่ลงไปถึงระดับหมู่บ้าน สะท้อนความแข็งแกร่งของเครือข่ายจัดจำหน่ายของค่ายนี้ อีกค่ายเบียร์ใช้โจทย์เรื่องความเซ็กซี่ ส่วนเบียร์น้องใหม่ที่กำลังเข้ามาแย่งตลาดเน้นจัดโปรโมชันลดราคาและร้านค้าย่อยๆ ทั้งหมดพบใน 42 จังหวัดเป้าหมายที่หวังผลกระตุ้นยอดขาย

ทำให้เป็นห่วงในการทำตลาดของ 3 ค่ายรายใหญ่ ที่อาศัยเทศกาลประเพณีจัดกิจกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นช่องว่างของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องหลับตา 2 ข้าง เพื่อหวังกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะที่เป็นข่าวว่าเบียร์รายใหม่ที่เปิดตลาดแล้วขายไม่ออก เพราะถูกกลไกการตลาดของค่ายเก่ารวมตัวกันปิดช่องทางขาย จะยิ่งใช้โอกาสเทศกาลนี้เร่งระบายเบียร์ของตนที่กำลังจะหมดอายุไม่เกิน 6 เดือน

นายธีระ กล่าวต่อว่า การตลาดแบบจัดแสดงดนตรีพ่วงขายแบบลดราคา ทั้งแบบฟรีคอนเสิร์ต และแบบเก็บบัตร มีลักษณะซื้อบัตรนำไปแลกได้เบียร์ในงาน โดยเฉพาะการขายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี แม้จะมีการตรวจอายุ และใช้สายรัดข้อเพื่อแยกว่าเป็นบุคคลอายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ความจริงไม่ได้ตรวจสอบ ถือว่าเข้าข่ายการขายให้บุคคลอายุต่ำกว่า 20 ปี มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากนี้ ยังไม่สามารถทำให้การดื่มและการแสดงดนตรีอยู่ในระยะเวลาที่กำหนดได้ แต่ลากยาวไปจนถึงเที่ยงคืน ทำให้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มสูงขึ้น มีความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงขึ้น โดยเฉพาะวัยรุ่นส่วนใหญ่จะเดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ และที่น่ากังวลคือ เครือข่ายยังพบเห็นการเร่ขาย และการขายแบบลดราคาเพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการขาย เข้าข่ายผิดตาม ม.30 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกออฮอล์ เกี่ยวกับห้ามรูปแบบการขาย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผอ.สคล. กล่าวต่อว่า จากการสำรวจถอดบทเรียนครั้งนี้ จะทำอย่างไรให้ภาคธุรกิจขายสินค้าอย่างรับผิดชอบจริงๆ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลขนาดใหญ่ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ หรืองานประจำท้องถิ่นที่มีลักษณะมหกรรม ซึ่งเห็นว่ารัฐจะต้องกำหนดมาตรการเฉพาะกิจ ให้อำนาจ ผวจ. พิจารณาในการอนุญาตจัดงานแบบนี้

พร้อมแผนการควบคุมแอลกอฮอล์และความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างเข้มงวด ในการบังคับให้ธุรกิจรับผิดชอบทั้งการป้องกันไม่ให้ทำผิดกฎหมาย เช่น การโฆษณา ณ จุดจัดงาน การโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ การลดราคา การแลกเปลี่ยน การให้ชิม การกำหนดอายุผู้เข้าร่วมงาน

รวมทั้งการตั้งเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจตรวจสอบและดูแลความปลอดภัย และเมื่อมีผลกระทบขึ้นมาภาคธุรกิจจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย เชื่อว่าแนวทางนี้จะช่วยให้ลดผลกระทบได้ หรือปรับไปจัดงานอีกรูปแบบหนึ่ง คือ สงกรานต์ปลอดเหล้า โดยกำหนดพื้นที่ห้ามจำหน่ายและดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ถนนข้าวเหนียว จ.ขอนแก่น, ถนนรอบคูเมือง จ.เชียงใหม่, ถนนสีลม และ สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพ หน้าห้างสรรพสินค้าไลม์ไลต์ จ.ภูเก็ต รวมทั้งพื้นที่อื่น ๆ ที่มีการจัดการควบคุมดังกล่าวกว่า 100 แห่ง รัฐควรสนับสนุน ให้รางวัลกับผู้ที่จัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว เช่น ลดค่าไฟ ค่าน้ำ หรือการสนับสนุนงบประมาณจัดงานที่เพียงพอ

ที่มา :  Hfocus เจาะลึกระบบสุขภาพ

อ่านข่าวอื่น :

ข่าวที่เกี่ยวข้อง