ก่อนอื่นต้องทำความรู้จักกับ "ความนับถือตนเอง" ที่หมายถึง ความรู้สึกที่มีต่อตนเองว่าตนเองมีคุณค่า มีความสามารถ และเป็นที่รักของคนรอบข้าง
ส่วน ภาวะความนับถือตนเองต่ำ หมายถึง ความรู้สึกลบต่อตนเอง คิดว่าตนเองไม่มีคุณค่า ไม่มีความสามารถ และไม่น่าเป็นที่รัก
ภาวะนี้อาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ประสบการณ์ในวัยเด็ก ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เหตุการณ์ในชีวิต หรือความผิดปกติทางจิตใจ ที่จะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในด้านต่าง ๆ เช่น การทำงาน ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และสุขภาพจิต ผู้ที่ภาวะความนับถือตนเองต่ำอาจรู้สึกไม่มั่นใจ ไม่กล้าแสดงออก หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม รู้สึกโดดเดี่ยว ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล
Check-list เข้าข่ายภาวะนับถือตัวเองต่ำหรือไม่
- อ่อนไหวง่ายต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้อื่น มักทนไม่ได้และแสดงออกทางอารมณ์ เช่น เศร้า เสียใจ โกรธ โมโห อย่างเห็นได้ชัด
- จิตตกง่าย เศร้าเสียใจง่าย แม้ได้รับการกระทบกระทั่งเพียงเล็กน้อย
- กลัวการเข้าสังคม มองคนอื่นในแง่ลบ เพราะกลัวการถูกปฏิเสธ ถ้ามีอาการมากอาจตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับผู้อื่นได้
- คอยเช็กเรตติ้งของตนเองอยู่ตลอด หรือ เรียกร้องความสนใจ เช่น การลงรูปเพื่อเรียกยอดไลก์เป็นประจำ
- วิตกกังวล กระวนกระวายง่าย เกิดจากการขาดความเชื่อมั่นและศรัทธาในตนเอง
- กลัวทำผิดพลาด ย้ำคิดย้ำทำ กลัวความไม่สมบูรณ์แบบ
- ไม่กล้าลงมือทำสิ่งต่าง ๆ เพราะไม่เชื่อว่าตนเองจะทำหรือแก้ปัญหาใด ๆ ได้ มักมองปัญหาใหญ่โตเกินจริง
- ชอบวางอำนาจ สั่งการผู้อื่นมากเกินไป เนื่องจากขาดความรู้สึกมั่นคงทางจิตใจ จึงต้องการความยำเกรงจากผู้อื่น เพื่อทำให้ตนรู้สึกมั่นคงและมีคุณค่า
- พยายามหาข้อแก้ตัว หรือ หาเหตุผลเข้าข้างตนเอง เพื่อไม่ให้คนอื่นเห็นข้อบกพร่อง เพราะยังยอมรับข้อบกพร่องของตนเองไม่ได้
- เอาใจคนอื่นมาก ไม่กล้าปฏิเสธ หรือไม่กล้าบอกความต้องการของตนเองตรง ๆ เพราะ กลัวคนอื่นไม่รัก ไม่เป็นที่ยอมรับภายในสังคม
ดูแลตัวเองเมื่อรู้ว่าเป็นภาวะความนับถือตนเองต่ำ
1. สำรวจความคิดและความรู้สึกของตนเอง บ่อยครั้งเราอาจมีความคิดและความรู้สึกเชิงลบต่อตนเองโดยไม่รู้ตัว การสำรวจความคิดและความรู้สึกของตนเอง จะช่วยให้เราเข้าใจสาเหตุของภาวะความนับถือตนเองต่ำ และเริ่มหาแนวทางแก้ไข
2. ปรับเปลี่ยนความคิดเชิงลบ เมื่อเข้าใจสาเหตุ หรือเจอเหตุแห่งทุกข์แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการปรับเปลี่ยนความคิดเชิงลบ เปลี่ยนมุมมองให้มองตนเองในแง่บวกมากขึ้น ยอมรับข้อดีและข้อเสียของตนเอง มองความผิดพลาดเป็นบทเรียน แทนที่จะตำหนิตนเอง
3. ตั้งเป้าหมายและลงมือทำ จะช่วยให้เรามองเห็นความสามารถของตนเอง รู้สึกภาคภูมิใจในตนเองมากขึ้น เลือกเป้าหมายที่ท้าทายแต่ทำได้จริง ค่อย ๆ ก้าวไปทีละขั้นอย่างมั่นคง
4. สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การได้รับความรักและการสนับสนุนจากผู้อื่น จะช่วยให้เรารู้สึกดีกับตนเองมากขึ้น เลือกคบหากับคนที่เข้าใจและสนับสนุนเรา
5. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ หากภาวะความนับถือตนเองต่ำส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตมาก สสส.แนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น นักจิตวิทยา หรือนักจิตบำบัด
ผู้ที่มีภาวะความนับถือตนเองต่ำ อาจประสบปัญหาในการทำงาน เช่น ทำงานได้ไม่เต็มที่ รู้สึกไม่มั่นใจในความสามารถของตนเอง กลัวทำผิดพลาด ไม่อยากรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน รู้สึกเบื่อหน่าย ไม่มีแรงจูงใจในการทำงาน ไม่อยากพัฒนาตนเอง จนถึงขั้นมีปัญหาในการทำงานร่วมกับผู้อื่น รู้สึกไม่มั่นใจในตนเอง กลัวถูกปฏิเสธหรือถูกกลั่นแกล้งจากผู้อื่น เครียดในการทำงาน กังวลเรื่องงานตลอดเวลา กลัวทำผิดพลาด ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
การพัฒนาภาวะความนับถือตนเองจึงมีความสำคัญต่อการทำงาน ช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุข
ภาวะความนับถือตนเองต่ำเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ เริ่มต้นจากการสำรวจความคิดและความรู้สึกของตนเอง ปรับเปลี่ยนความคิดเชิงลบ ตั้งเป้าหมายและลงมือทำ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น และขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ หากเรามีความพยายามและอดทน จะสามารถพัฒนาความนับถือตนเองให้ดีขึ้นได้
ที่มา : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), ผศ. พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
อ่านข่าวอื่น :
กกต.แถลงเลือก สว.ระดับอำเภอเรียบร้อยดี - รายชื่อชัดพรุ่งนี้
เลือก สว.เขตปทุมวัน 5 ชม.เสร็จ "สันธนะ-สนธิญา" จับมือเข้ารอบ
928 อำเภอ พร้อมเลือก สว.67 เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 9.2 หมื่นคน