ไบเดนพลาดท่า-ทรัมป์ประกาศชัยชนะ หลังจบดีเบตรอบแรก

ต่างประเทศ
29 มิ.ย. 67
14:57
568
Logo Thai PBS
ไบเดนพลาดท่า-ทรัมป์ประกาศชัยชนะ หลังจบดีเบตรอบแรก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ศึกประชันวิสัยทัศน์ระหว่างโจ ไบเดน-โดนัลด์ ทรัมป์ ในรอบแรก ถือเป็นการเปิดฉากการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ที่ทั่วโลกจับตา แม้ทรัมป์ประกาศชัยชนะเหนือไบเดน หลังจากผู้นำสหรัฐฯ ทำผลงานได้ไม่ดีนักทำให้ต้องกอบกู้ภาพลักษณ์ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุน ที่ให้กำลังใจจำนวนมาก

วันนี้ (29 มิ.ย.2567) กลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต ส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ ระหว่างที่ โจ ไบเดน ปธน.สหรัฐอเมริกา กำลังปราศรัยหาเสียงในรัฐนอร์ท แคโรไลนา โดยผู้นำสหรัฐฯ ยอมรับในความผิดพลาดบนเวทีประชันวิสัยทัศน์รอบแรก ในรัฐจอร์เจีย แต่ยืนยันว่า เมื่อล้มแล้ว ก็ยังจะลุกขึ้นสู้ต่อ

ทีมหาเสียงเลือกตั้งของไบเดน เร่งทำงานเพื่อกอบกู้ภาพลักษณ์ หลังจากศึกประชันวิสัยทัศน์ เมื่อวานนี้ ตอกย้ำถึงข้อกังวลของชาวอเมริกันจำนวนมาก เกี่ยวกับอายุและความพร้อมของไบเดน ในการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐอเมริกา และบริหารประเทศต่ออีก 4 ปี หากชนะการเลือกตั้งปลายปีนี้

ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ตัวแทนพรรครีพับลิกัน ขึ้นเวทีหาเสียงในรัฐเวอร์จิเนีย ประกาศชัยชนะครั้งใหญ่เหนือไบเดน ในศึกประชันวิสัยทัศน์รอบแรก พร้อมทั้งวิจารณ์ว่า ไบเดน เป็นประธานาธิบดีที่ไร้ความสามารถมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน แต่กลับยังเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ที่ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด

ผลดีเบตรอบแรกจุดกระแสเรียกร้อง "ไบเดน" ถอนตัว

แม้นักการเมืองแถวหน้า ในฝั่งเดโมแครต จะยังคงสนับสนุนไบเดนอย่างเต็มที่ แต่ปัจจุบันเริ่มมีกระแสเรียกร้อง จากกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครต ให้ไบเดนก้าวลงจากตำแหน่งตัวแทนพรรคบ้างแล้ว รวมถึงกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ ที่ออกมาวิจารณ์การส่งไบเดนลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ว่าเป็นการเดิมพันที่มีความเสี่ยงมาก ท่ามกลางภัยคุกคามจากทรัมป์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ไบเดน ทำเพื่อประชาชนด้วยการประกาศถอนตัวจากการเลือกตั้ง

ใครถือแต้มต่อในศึกประชันวิสัยทัศน์รอบแรก ?

ผลสำรวจความคิดเห็นผู้ชมที่จัดทำโดย CNN ที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน ให้คะแนนทรัมป์นำโด่งถึงร้อยละ 67

ศึกประชันวิสัยทัศน์ในรอบนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงสไตล์การพูดแบบโดนัลด์ ทรัมป์ คนเดิม คือ ไม่ได้ลงลึกในประเด็นคำถามสักเท่าไหร่ บางครั้งพูดเกินจริง ให้ข้อมูลเท็จหรือบิดเบือน ไปจนถึงการเลี่ยงตอบคำถามที่น่าหนักใจ หรือที่เป็นประเด็นล่อแหลม แต่สำหรับ โจ ไบเดน ผลงานบนเวทีนี้สร้างความกังวลใจให้กับชาวเดโมแครตจำนวนไม่น้อย

อาการพูดติด ๆ ขัด ๆ ผิดบ้างถูกบ้าง บางครั้งหยุดชะงักไปเสียดื้อ ๆ และน้ำเสียงที่ฟังยาก ต้องคอยไอหรือกระแอมอยู่บ่อยครั้ง ถือเป็นปัญหาเดิม ๆ ของไบเดน ที่แพทย์ประจำตัว ระบุว่าเกิดจากภาวะกรดไหลย้อน และมีรายงานว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผู้นำสหรัฐฯ เป็นไข้ด้วย

แต่การขึ้นเวทีประชันวิสัยทัศน์ในครั้งนี้ สะท้อนปัญหาดังกล่าวให้เด่นชัดมากขึ้นบนเวทีที่ชาวอเมริกันทั่วประเทศจับจ้องอยู่ ซึ่งประเด็นนี้ถูกโยงเข้ามาสู่ความกังวลในเรื่องอายุและความพร้อมของไบเดนในการบริหารประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกในอีก 4 ปีนับจากนี้ หากชนะการเลือกตั้ง

แม้กระทั่งคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ยังยอมรับว่าดีเบตในครั้งนี้ ไบเดนออกตัวได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ แม้จะค่อย ๆ ดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของการดีเบตก็ตาม ซึ่งชาวเดโมแครตบางส่วน ระบุว่าผิดหวังที่ไบเดนไม่สามารถนำเสนอนโยบายได้ดีเท่าที่ควร

สำนักข่าว CNN ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดศึกประชันวิสัยทัศน์ในรอบนี้ จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นผู้ชมว่า ใครคือผู้ชนะในการประชันวิสัยทัศน์ครั้งนี้ โดยพบว่าในช่วงก่อนการดีเบต ผู้ชมร้อยละ 55 คิดว่าทรัมป์น่าจะเป็นผู้ชนะ แต่หลังการดีเบตจบลง ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 12 ไปอยู่ที่ร้อยละ 67 ทิ้งห่างจำนวนคนที่มองว่าไบเดนจะเป็นผู้ชนะ ที่มีอยู่เพียงร้อยละ 33 เท่านั้น

แต่ถ้านำไปเปรียบเทียบกับการดีเบตในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จะเห็นได้ว่า ไบเดนออกอาการแย่ลงไปเรื่อย ๆ สวนทางกับทรัมป์อย่างเห็นได้ชัด โดยศึกประชันวิสัยทัศน์ทั้ง 2 ครั้งเมื่อปี 2563 เต็มไปด้วยความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมไร้มารยาทของทรัมป์ ทำให้เขาเสียรังวัดและพ่ายแพ้ไปในตอนนั้น แต่ในรอบนี้ ดูเหมือนว่าทรัมป์จะควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตัวเองได้ผิดหูผิดตาเลยทีเดียว

แม้ว่าผลสำรวจความคิดเห็นผู้ชมหลังการดีเบต จะยกให้ทรัมป์เป็นผู้ชนะในรอบนี้ แต่ชัยชนะดังกล่าวก็ไม่ได้มีผลมากพอในการเปลี่ยนแปลงความคิดกลุ่มผู้สนับสนุน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มชาวอเมริกันที่ยังไม่ฟันธงว่า จะเลือกใคร

ตัวชี้ขาดในการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ คือ ผลคะแนนจากรัฐสมรภูมิ โดยในรอบนี้มีทั้งหมด 6 รัฐ ได้แก่ เนวาดา แอริโซนา วิสคอนซิน มิชิแกน เพนน์ซิลเวเนียและจอร์เจีย ซึ่งเป็นรัฐที่จัดการดีเบตในรอบนี้ด้วย โดยในการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ไบเดนเอาชนะทรัมป์ในรัฐนี้ไปด้วยคะแนนส่วนต่างไม่ถึง 13,000 เสียง ดังนั้น การดึงเสียงสนับสนุนจากรัฐเหล่านี้ให้ได้ จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อผู้สมัคร

แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในแต่ละรัฐให้น้ำหนักประเด็นปัญหาแตกต่างกันออกไป เช่น แอริโซนา ซึ่งอยู่ติดกับพรมแดนเม็กซิโก ชาวอเมริกันในรัฐนี้ให้ความสนใจไปที่ประเด็นผู้อพยพมากเป็นพิเศษ หรือชาวอเมริกันในรัฐมิชิแกนจำนวนไม่น้อยพุ่งความสนใจไปที่ประเด็นสงครามในกาซา เนื่องจากมีชุมชนชาวอเมริกัน-อาหรับขนาดใหญ่อยู่ในรัฐนี้

ผลสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกันของหลายสำนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ชี้ตรงกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คู่คี่สูสีอย่างมาก โดยถ้าไม่เสมอกัน ทรัมป์ก็มีคะแนนนำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น ผู้สมัครทั้ง 2 คนยังมีเวลาและยังโอกาสที่จะเรียกคะแนนเสียงจากกลุ่มที่ยังไม่ตัดสินใจว่า จะเลือกใครได้หลังจากนี้

ศึกประชันวิสัยทัศน์รอบนี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการจัดประชันวิสัยทัศน์ที่เร็วกว่าปกติด้วยซ้ำไป เพราะจริง ๆ แล้ว ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันยังไม่ได้จัดการประชุมใหญ่ เพื่อประกาศรายชื่อตัวแทนของพรรคลงชิงเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ในปลายปีนี้อย่างเป็นทางการเลยด้วยซ้ำ

แม้ว่าไบเดนจะออกอาการเพลี่ยงพล้ำบนเวทีดีเบตรอบแรก แต่ทั้งคู่ก็ยังมีเวทีให้แก้ตัวได้อีกอย่างน้อย ๆ ก็ 2 เวทีด้วยกัน ทั้งเวทีการประชุมพรรคและในศึกประชันวิสัยทัศน์ รอบ 2 ในเดือนกันยายนนี้ กว่าที่จะไปถึงการเลือกตั้งจริง ๆ ก็ยังเหลืออีก 4 เดือนกว่า ๆ ถือว่ายังพอมีเวลาให้ผู้สมัครแก้ตัว

แต่จะแก้ตัวยังไง แก้ตัวได้หรือไม่ นั่นก็ต้องรอชมกันในอีกไม่นานจากนี้

วิเคราะห์ : ทิพย์ตะวัน ธีรนัยพงศ์

อ่านข่าวอื่น : 

"ผู้สูงอายุ" เป้าหมายใหม่มิจฉาชีพ ช่องโหว่เงินออมเยอะ-อยู่คนเดียว

คนไทยสู้ไม่ถอยดัน "ROCKSTAR - ลิซ่า" 32 ล้านวิว ใน 24 ชม.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง