รื้อฟื้นมัดรวม “บ้านใหญ่” ยุทธศาสตร์ “ทักษิณ-เพื่อไทย” กลับคืนเบอร์ 1

การเมือง
2 ก.ค. 67
20:11
120
Logo Thai PBS
รื้อฟื้นมัดรวม “บ้านใหญ่” ยุทธศาสตร์ “ทักษิณ-เพื่อไทย” กลับคืนเบอร์ 1
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การออกโรงแจงเบื้องหลังชัยชนะของ นายชาญ พวงเพชร์ ที่มีต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี ของนายศุภชัย นพขำ อดีต สส.ปทุมธานี ว่า มาจาก 8 บ้านใหญ่ปทุมธานี แพ็คทีมสนับสนุน

ไม่ใช่แค่หวังสะท้อนความแน่นปึ้ก ของ”บ้านใหญ่”ในจังหวัดที่อาจเป็นแบบอย่างให้”บ้านใหญ่”จังหวัดอื่นเท่านั้น แต่ยังมีนัยสะท้อนการเป็นแบ๊คอัพที่เข้มแข็งให้กับพรรคเพื่อไทย และ “นายใหญ่” นายทักษิณ ชินวัตร ที่ครั้งนี้ต้องลงทุนลงแรงมาก

ทั้งการลงพื้นที่เป็นประธานงานเลี้ยงบวชทายาทของหนึ่งใน 8 บ้านใหญ่ พร้อมลูกสาว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และยังส่งทั้งลูกสาวลูกชาย ลงไปช่วยนายชาญหาเสียงในช่วงโค้งสุดท้ายด้วย

เพราะศึกใหญ่ครั้งนี้มีความหมายต่อบารมี และการเดินหน้าต่อของพรรคเพื่อไทย และนายใหญ่ และเป็นโมเดลที่สร้างความใจชื้นให้กับบรรดา “บ้านใหญ่” ทั้งหลาย ที่เริ่มพบความลำบากทางการเมือง

เพราะถูกทั้งคน “บ้านใหม่” และคนหน้าใหม่ หาญกล้ามาลูบคม จนกระเด็นกระดอนไปตามๆกัน ในการเลือกตั้ง สส.ครั้งที่ผ่านมา

แต่เบื้องลึกชัยชนะก็หนักหนาสาหัส เพราะ “บิ๊กแจ๊ส” ถือว่าไม่ธรรมดา คะแนนที่แพ้ให้นายชาญ มีแค่ไม่ถึง 2 พัน สะท้อนแรงหนุนจากค่ายสีน้ำเงิน และอาจได้จากเครือข่ายสีส้ม ที่ปักฐาน สส.ในจังหวัดได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

“ปทุมธานีโมเดล” ได้กลายเป็นทั้งต้นแบบและจะถูกใช้ถอดบทเรียนของ 2-3 ค่ายใหญ่การเมือง โดยเฉพาะค่ายสีน้ำเงินกับค่ายสีแดง ที่ต่างใช้ยุทธศาสตร์ “บ้านใหญ่” เป็นทัพหน้าในการสู้ศึกเลือกตั้ง สส.ที่ผ่านมา

รวมกับเหตุผลในทางยุทธศาสตร์ คือหากรอครบวาระ เลือกนายกฯ และสมาชิกสภา อบจ. (ส.อบจ.) วันเดียวกัน อาจเจอศึกหนักมากกว่าเลือกคนละวัน เพราะจะมีทีมของ สจ.ลงพื้นที่ช่วยอีกแรงหนึ่ง

ยุทธศาสตร์นี้ใช้ได้ผลที่ จ.นครสวรรค์ และอ่างทอง แต่พลาดท่าที่ จ.ปทุมธานี แต่ยังจะมีอีก 2 สนามใหญ่ให้พิสูจน์ ในเดือนสิงหาคม 2567 นี้ คือเลือกนายก อบจ.พระนครศรีอยุธยา ที่ “บ้านใหญ่” เจ๊สมทรง พันธ์เจริญวรกุล สายตรงบ้านใหญ่ค่ายน้ำเงินต้องลงป้องกันแชมป์สมัย 4

อีกแห่งคือ นายก อบจ.ชัยภูมิ ที่บ้านใหญ่รุ่นเก๋า อย่างนายอร่ามอาชว์วัต (อร่าม) โล่ห์วีระ อดีต รมช.คมนาคม สมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ปัจจุบันมีลูกชายเป็น สส.พรรคพลังประชารัฐ ลงรักษาเก้าอี้เจอกับคู่ชิงสำคัญคือหลังบ้าน สส.ชัยภูมิ จากพรรคภูมิใจไทย

เท่ากับการแข่งขันแย่งชิงผู้บริหารท้องถิ่น ยังคงวนเวียนอยู่กับ “บ้านใหญ่” เป็นสำคัญ แต่จะต่างจากเลือกตั้งระดับประเทศ เช่นเลือก สส. ดังที่ รศ.อดิศร เนาวนนท์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ตั้งข้อสังเกตว่า

มักจะไม่ค่อยจะไปด้วยกัน เนื่องจากในระดับท้องถิ่น จะไม่เน้นไปที่การขายนโยบายเป็นหลัก แต่จะเน้นไปที่การทุ่มเทและทุ่มทุนไปกับกลุ่มหัวคะแนนให้กระจายมากที่สุดในจังหวัด เท่ากับ “กระเป๋าต้องหนัก”

การเลือกนายก อบจ.ปทุมธานี หรือแม้แต่การเลือก สว.ที่ผ่านมา จึงยังไม่สามารถชี้ชัดได้ว่า นายทักษิณจะยังคงมีมนต์ขลังอยู่หรือไม่

แต่หากดูจากโพลล่าสุดของนิด้าโพล รศ.อดิศร เห็นว่า ที่คะแนนนิยมของทั้งนายเศรษฐา และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รวมถึงพรรคเพื่อไทยลดลง อาจเป็นสัญญาณการถดถอยในระดับหนึ่ง แต่สำหรับประชาชนในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ส่วนหนึ่ง ยังคงยึดติดกับชื่อนายทักษิณจาก หลายนโยบาย อาทิ 30 บาทรักษาทุกโรค หรือกองทุนหมู่บ้าน

จึงเป็นต้นทุนพื้นฐาน ที่นายทักษิณและพรรคเพื่อไทยเชื่อว่ายังมีอยู่ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แกนนำในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย ยังคงแสดงท่าทีชัดเจนเรื่องเดินหน้านโยบายเรือธงอย่างดิจิทัลวอลเล็ต ปลายปีนี้

เพราะเชื่อว่า จะเป็นจุดหักเหสำคัญหากพรรคเพื่อไทยหวังกลับมาเป็นพรรคเบอร์ 1 เหมือนในอดีต แต่ก่อนไปถึงตอนนั้น จะต้องผลักดันให้ออกมาก่อนเลือกตั้ง อบจ.ครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ในราวไตรมาสแรกของปี 2569

แนวทางนี้ เชื่อว่าจะถูกใช้ประกอบควบคู่ไปกับการรื้อฟื้นและมัดรวม “บ้านใหญ่” ในแต่ละจังหวัดเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดพลังที่เข้มแข็ง และจะช่วยให้การเรียกคะแนนนิยมในการเลือกตั้งท้องถิ่นกลับคืนมา เพราะในอีกด้านหนึ่ง “บ้านใหญ่” ก็จะทนเฉยให้โดนคุมกำเนิด โดนด้อยค่าต่อไปไม่ได้

จึงเป็นทางออกที่หลายฝ่ายต่างเห็นตรงกัน คือหากไม่ร่วมแรงร่วมใจกันเหมือนกรณี 8 บ้านใหญ่ปทุมฯ ทั้งบ้านใหญ่-พรรคเพื่อไทย รวมถึงนายทักษิณ อาจต้องพังยับเยิน

และส่อเค้าอาจจะหายไปจากสาระบบด้วยกัน ในการเลือกตั้ง สส.ครั้งหน้า

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส

อ่านข่าว : ขยายแผลช้ำ "ลุงชาญ" ศาลฯ รับฟ้องคดีทุจริต ติดกับดักตัวเอง

กกต.ปทุมธานี ยันตรวจสอบแล้ว “ลุงชาญ” ไม่ขาดคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้าม

เลขาฯ กฤษฎีกา ชี้ "ชาญ" ยังนั่ง "นายก อบจ.ปทุมฯ" ไม่ได้ เพราะมีคดีค้างเก่าที่ ป.ป.ช.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง