ความร้อนรุ่มในจิตใจที่ต้องการตีแผ่ความรู้สึกภายว่าไม่อาจนิ่งดูดายกับสถานการณ์ความรุนแรงและความแปลกแยกในสังคม คือสาระสำคัญที่ จเด็จ กำจรเดช ต้องการสื่อถึงผู้อ่าน ผ่าน 13 เรื่องสั้น ใน "แดดเช้าร้อนเกินกว่าจะนั่งจิบกาแฟ" โดยสร้างโลกสมมุติ พร้อมแทนค่าสัญลักษณ์ใช้สื่อความหมายให้เชื่อมโยงกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงอย่างมีชั้นเชิง
การผันตัวเองจากนักเขียนการ์ตูนที่เล่าเรื่องด้วยภาพมาถ่ายทอดความคิดผ่านตัวอักษร ทำให้เรื่องสั้นของเขา มีความโดดเด่นในการดำเนินเรื่องที่ตัดสลับระหว่างฉากการ์ตูนกับห้วงความคิด บ่งบอกสภาวะจิตไม่ปกติของตัวละคร เช่นในตอน "สิ่งชำรุดของพระเจ้า" ที่ค้างอารมณ์ของผู้อ่านไว้ในประโยคสุดท้าย และเข้าสู่ฉากใหม่ในอีกย่อหน้า ให้ผู้อ่านวิ่งตามอารมณ์ของตัวละครอย่างกระชั้นชิด
ไม่เพียงสร้างสีสันเรื่องสั้นด้วยความแปลกประหลาด ไม่สมประกอบของตัวละครในงานเขียน แต่กลวิธีเล่าเรื่องที่ซ้อนกันระหว่างโลกเสมือนจริงในเกมออนไลน์และโลกปัจจุบัน ใน "แม่ทัพตายแล้ว" คือสิ่งที่นักเขียนได้เสียดสี และยั่วล้อถึงอุดมการณ์ทางการเมืองในยุค 6 ตุลา 19 ที่ถูกกลืนไปกับจักรวรรดิทุนนิยม
แม้จะเป็นครั้งแรกบนเวทีซีไรต์ แต่ผลงานของนักเขียนวัย 35 ปี ได้ผ่านการตีพิมพ์ใน นิตยสารและหนังสือพิมพ์มาแล้วไม่น้อย และเคยได้รับรางวัล Thailand Indy Award เมื่อปี 2008 จากรวมเรื่องสั้นทำมือ"หนุมานเหยีบเมือง" ด้วยลีลาการเขียนที่แปลกและแตกต่าง ทำให้ จเด็จ กำจรเดช เป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่น่าจับตามองในการเข้าชิงซีไรต์ปีนี้