ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ส่ง “ภูมิธรรม” คุมกระทรวงปืนใหญ่ เพื่อไทยเปิดหน้าชนเสียงคนค้าน

การเมือง
3 ก.ย. 67
16:58
1,955
Logo Thai PBS
ส่ง “ภูมิธรรม” คุมกระทรวงปืนใหญ่ เพื่อไทยเปิดหน้าชนเสียงคนค้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

“ถ้าผมได้อยู่กลาโหม ผมจะทำให้กองทัพอยู่กับประชาชนได้ ช่วยเหลือประชาชน ในยามทุกข์ยาก เชื่อว่า ความเป็นผม สามารถพูดคุยกับทหารทุกเหล่าทัพได้” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ระบุ เมื่อวันที่ 3 ก.ย.2567

ท่ามกลางกระแสต่อต้านและคัดค้าน ผ่านโลกโซเชียลของจากอดีตนายทหารเก่า ไม่ว่าจะเป็น พล.อ. สมเจตน์ บุญถนอม อดีตสว.และ พล.อ.วรรณะ มังคะลี นายทหารผ่านศึก ผู้บาดเจ็บจากการสู้รบ และอีกหลายคนที่แสดงความไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะนำ “ภูมิธรรม ” ซึ่งเป็นอดีตผู้นำนักศึกษารุ่น 14 ตุลา และอดีตสหายเก่าเคลื่อนไหวในพื้นที่เขตอีสานใต้ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

โดยเฉพาะอดีตนายทหารผ่านศึก อย่าง พล.อ. วรรณะ ถึงกับแต่งกลอน สะท้อนความรู้สึก เมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา ความว่า

เคยรบรัน ฟันฝ่า รักษาชาติ
แขนขาขาด หูตาบอด จอดสนิท
เพื่อชาติชน ยอมพลีกาย ถวายชีวิต
แต่มันเอา คอมมิวนิสต์ มาเป็นนาย
มันย่ำยี ศรีศักดิ์ ทหารกล้า
เหมือนเอาตีน ลูบหน้า ข้าฯทั้งหลาย
ทั่วกองทัพ ลอยหน้า ว่าไม่อาย
แต่กูอาย ไม่สู้หน้า บรรพชน

ยังไม่พบสัญญาณตอบรับ หรือปฎิเสธจากกองทัพยุคปัจจุบัน คงมีเพียงแรงกระเพื่อมเล็กน้อย ในแวดวงความมั่นคง ที่แสดงความวิตกว่า “ทักษิณ ชินวัตร” อาจจะเข้ามาคุมกองทัพแบบเบ็ดเสร็จในอนาคต ผ่านรัฐนาวาภายใต้การนำของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 และการส่ง “ภูมิธรรม” รองนายกรัฐมนตรี รักษาการรมว.พาณิชย์ ซึ่งเคยทำงานกับพรรคเพื่อไทย มานานกว่า 30 ปี ข้ามห้วยมานั่งคุมกระทรวงปืนใหญ่ แทน “สุทิน คลังแสง” รักษาการฯกระทรวงกลาโหมคนปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยง

แม้พรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) จะเสนอรายชื่อ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขานุการรมว.กลาโหมในยุค “สุทิน” มานั่งรมช.กลาโหม มาประกบกับ “ภูมิธรรม” ก็ตาม แต่กว่าจะได้ข้อยุตินี้ร่วมกัน ก็น่าจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขและข้อตกลงอะไรบางอย่าง

ขณะที่เสียงจากทหารในยุคปัจจุบัน ระบุว่า การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ และอำนาจ ซึ่งกองทัพก็ไม่ได้อยู่ในข้อยกเว้น หากมองตามข้อเท็จจริง เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในยุคอดีตได้จบลงแล้ว และการต่อสู่ในเชิงอุดมการณ์ของอดีตนักศึกษาในยุคนั้น และหลายคนที่เคยต่อสู้หนีเข้าป่า ได้ผันตัวลงสู่สนามการเมือง ซึ่งไม่ได้มีแค่ “ภูมิธรรม”คนเดียว แต่ยังมีอีกหลายคน

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ไม่ว่า ใครจะมาเป็นรมว.กลาโหม กองทัพและทหารทุกคนก็ยังทำงานตามหน้าที่ ไม่ได้เข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวและมีบทบาททางด้านการเมือง

การเข้ามาในตำแหน่งรมว.กลาโหมของ “ภูมิธรรม” ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะตระกูลชินวัตร ต้องการกระชับอำนาจกองทัพ และหน่วยงานด้านความมั่นคง เพื่อป้องกันการปฏิวัติรัฐประหารไว้ก่อน โดยเชื่อว่า กระแสการต่อต้านที่เกิดขึ้นอาจไม่ร้อนแรงมากนัก

อย่างไรก็ตาม เป็นข้อเท็จจริงที่ยากจะปฎิเสธ ในยุค 14 ตุลาคม 2519 ภูมิธรรม ในขณะนั้น เรียนอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ร่วมกับเพื่อนๆ ก่อตั้งพรรคจุฬา-ประชาชน เคลื่อนไหวในรั้วจามจุรี หลังจากเข้าป่าได้ใช้ชื่อจัดตั้ง “สหายใหญ่” เคลื่อนไหวร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) อยู่ใน จ.บุรีรัมย์ เขตงานอีสานใต้ แต่เป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆไม่นานนัก ก่อนที่จะถูกเรียกตัวไปขับรถให้สหายนำระดับสูงของพรรคที่แขวงหลวงน้ำทา สปป.ลาว อยู่นานกว่า 3 ปี

และกลับสู่เข้าเมืองเพื่อมาเรียนต่อเมื่อปี 2524 ก่อนจะจบการศึกษาในปี 2527 และเข้าเริ่มงานกับบริษัทในเครือของตระกูลชินวัตรในปี 2540 และเบนเข็มเข้าสู่แวดวงการเมืองในปี 2544 ตามลำดับ และอยู่กับพรรคไทยรักไทย -เพื่อไทย มาจนถึงปัจจุบัน

“ภูมิธรรม” ซึ่งมีรายชื่อปรากฎในโผครม.ล่าสุด บอกว่า ยังไม่มั่นใจว่าจะได้เป็นกลาโหมหรือไม่ แต่เข้า ใจ พล.อ.สมเจตน์ และทหารอีกหลายคน เข้าใจเจตนา และคนเหล่านี้ก็คงรักสถาบันที่เคยอยู่ แต่ขอให้คลายกังวล ในสิ่งที่กังวล

...เหตุการณ์ ที่เคยเข้าไปอยู่ในป่า ครั้งนั้น เหตุที่ต้องเข้าไปอยู่ป่าเป็นเพราะปรากฏมีการใช้ความรุนแรง เป็นที่ประจักษ์ในสังคมโลก จึงต้องหลีกย้าย หนีภัยความรุนแรง และใช่ตนคนเดียว แต่มีนักศึกษาจากหลายสถาบันฯ ที่หายไปกว่าครึ่งค่อน จนผู้นำเหล่าทัพในเวลานั้นก็เห็นว่าวิธีการนี้ มันไม่ได้แก้ปัญหา จึงเปิดโอกาสให้ทุกคนกลับมา เพราะเชื่อว่าทุกคนมีใจบริสุทธิ์

“ผมก็กลับมา ตั้งแต่บัดนั้นก็ยังไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องอะไรเลย ผมได้พิสูจน์ตัวเองมาตลอดกว่า 50 ปี ผมเอาเรื่องประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ผมไม่เคยไปขัดแย้งกับใคร เชื่อในเจตนาดีของทุกฝ่ายและของกองทัพ ถ้าเราปรารถนาดี ต่อผลประโยชน์และที่จะเกิดต่อประเทศชาติและประชาชนเราก็ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน” ภูมิธรรม ระบุ

ถ้าได้อยู่กระทรวงกลาโหม จะทำให้กองทัพเป็นกองทัพ อยู่กับพี่น้องประชาชนได้ ช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ยาก ขอให้รอดูก่อนว่าเป็นอย่างไร และความเป็นตัวเอง จะสามารถพูดคุยกับทหารได้ทุกเหล่าทัพได้

ถือเป็นเกมวัดใจ “ทักษิณ-เพื่อไทย”และพรรคร่วมไทยสร้างชาติ ในการลองของกองทัพ ส่ง “ภูมิธรรมและพล.อ.ณัฐพล” มาคุมกระทรวงปืนใหญ่ และเป็นสนามไชย 1 ต้องจับตามองว่า นังจากทิศทางของกองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงจะเป็นอย่างไร

 อ่านข่าว

เปิดหน้า "ซาบีดา ไทยเศรษฐ์" นอมินีเจ้าพ่อลุ่มน้ำสะแกกรัง

"มนัญญา" ถอนตัว ชิงเก้าอี้นายก อบจ.อุทัยธานี

"ชาดา" ถอนตัว ครม.แพทองธาร ส่งลูกสาวนั่ง มท.3

ข่าวที่เกี่ยวข้อง