เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2567 โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวแทนรีพับลิกันชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี เปิดเผยผ่าน X ว่า ผลสำรวจความคิดเห็นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาชนะคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ คู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีจากเดโมแครต ในการดีเบตเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา
พร้อมประกาศว่า เขาจะไม่ขึ้นประชันวิสัยทัศน์ครั้งที่ 3 หลังจากขึ้นเวทีกับ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และแฮร์ริสไปแล้ว ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการดีเบตระหว่างเขากับแฮร์ริสอีกต่อไป นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า แฮร์ริสควรกลับไปโฟกัสกับสิ่งที่ควรทำในเกือบ 4 ปีที่ผ่านมาในฐานะรองประธานาธิบดี
ขณะที่แฮร์ริสซึ่งกำลังเดินสายหาเสียงที่รัฐแคโรไลนา กล่าวภายหลังการประกาศของทรัมป์ว่า เธอเชื่อว่าผู้สมัครควรจะต้องขึ้นเวทีดีเบตอีกครั้ง ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
อ่านข่าว : ผลโพลชี้ "แฮร์ริส" คว่ำ "ทรัมป์" ดีเบตแรกชิง ปธน.สหรัฐฯ
โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นเวทีดีเบตรอบแรกกับ คามาลา แฮร์ริส เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2567
การประกาศว่าตนเองมีชัยเหนือแฮร์ริสของทรัมป์ สวนทางกับผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดของ Reuters/Ipsos ชี้ว่า ขณะนี้แฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ 47% ต่อ 42% ในศึกเลือกตั้งปลายปี 2024 หลังเธอทำผลงานได้เหนือกว่าทรัมป์บนเวทีการประชันวิสัยทัศน์นัดประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งตัวเลขนี้สูงกว่าการสำรวจความคิดเห็นเมื่อวันที่ 21-28 ส.ค.เล็กน้อย
ซึ่งบรรดาผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ระบุว่าได้ข่าวเกี่ยวกับการดีเบตอยู่บ้าง 53% มองว่าแฮร์ริสชนะ และมีเพียง 24% มองว่าทรัมป์เหนือกว่าในเวทีดีเบต ส่วนที่เหลือยังไม่แสดงความคิดเห็นหรือมองว่าไม่มีใครชนะใคร ขณะที่ 52% ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ติดตามการดีเบต มองว่าทรัมป์เสียท่าและดูไม่เฉียบคม ส่วน 21% มองว่าเป็นฝ่ายแฮร์ริสมากกว่าที่ดูไม่ค่อยหลักแหลม
นอกจากนี้ชาวรีพับลิกันจำนวนมากยังไม่ค่อยเชื่อมั่นในผลงานของทรัมป์มากนัก โดยมีชาวรีพับลิกันเพียง 53% มองว่าทรัมป์ชนะ ขณะที่ 91% ของชาวเดโมแครตมองว่าแฮร์ริสชนะในศึกดีเบตครั้งนี้ นอกจากนี้ 31% ในหมู่ชาวรีพับลิกันมองว่าไม่มีใครชนะ และ 14% มองว่าแฮร์ริสทำได้ดีกว่า
หลังจาก โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถอนตัวจากศึกเลือกตั้งปลายปีนี้ ซึ่งทำผลงานได้ไม่ดีบนเวทีดีเบตกับทรัมป์เมื่อปลายเดือน มิ.ย. ทำให้ขณะนี้ทรัมป์เป็นผู้สมัครที่มีอายุมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ และผลสำรวจพบว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 52% มองว่าทรัมป์แก่เกินไปที่จะทำงานในรัฐบาล เทียบกับ 7% ที่คิดแบบเดียวกันนี้กับแฮร์ริส
อีกทั้งผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งส่วนใหญ่ให้คะแนนแฮร์ริสดีกว่าทรัมป์ในเรื่องการวางตัว และเมื่อถามว่าใครดูสง่างามกว่ากัน พบว่า 56% ของคนที่ติดตามการดีเบตจะเทคะแนนให้แฮร์ริส และมีเพียง 24% ที่เอนไปทางทรัมป์ โดย 49% ระบุว่าแฮร์ริสดูเหมือนเป็นคนที่จะรับฟังและเข้าใจความกังวลต่าง ๆ ของประชาชน และเรื่องนี้ทรัมป์ได้ไปแค่ 18%
อ่านข่าว
25 ก.ย.กดปุ่มดิจิทัลวอลเล็ต 14.5 ล้านคน เฟส 2 รอก่อน