ภารกิจหิน อพยพ "ช้าง" หนีน้ำท่วมแม่แตง เชียงใหม่

Logo Thai PBS
ภารกิจหิน อพยพ "ช้าง" หนีน้ำท่วมแม่แตง เชียงใหม่

วันนี้ (6 ต.ค.2567) ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงภารกิจอพยพเคลื่อนย้ายท่วมในสถานการณ์น้ำท่วมเชียงใหม่

ช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ฝนตกต่อเนื่องจนเกิดมวลน้ำจำนวนมหาศาลจากต้นน้ำแม่แตง ไหลเข้าสู่ลำน้ำแม่แตง สายน้ำแห่งการท่องเที่ยวธรรมชาติของเชียงใหม่ ที่ตลอดสองข้างลำน้ำมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมทั้งปางช้างต่าง ๆ เรียงรายตลอดลำน้ำแม่แตง โดยรายงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ช่วงปี 2558-2567 พบว่ามีปางช้างถึง 49 ปาง ช้างจำนวน 546 เชือก

ภาพ : คุณน้ำหนึ่ง

ภาพ : คุณน้ำหนึ่ง

ภาพ : คุณน้ำหนึ่ง

กระทั่งช่วงบ่ายของวันที่ 3 ต.ค.2567 มวลน้ำจำนวนมากไหลบ่าล้นตลิ่งทั้งสองฝั่งของลำน้ำแม่แตงอย่างรวดเร็ว ต่อเนื่องจนถึงเช้ามืดวันที่ 4 ต.ค. น้ำเพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว ช้างส่วนใหญ่ถูกอพยพนำขึ้นไปผูกล่ามไว้ในที่สูง

ขณะที่ปางช้างขนาดใหญ่ ซึ่งมีช้างมากกว่า 100 เชือก ของมูลนิธิช้างและสิ่งแวดล้อม ยังคงสาละวน พยายามขนย้ายช้างและสัตว์อื่น ๆ อีกนับพัน เช่น สุนัข แมว แพะ โค กระบือ และสุกร ซึ่งยังคงไม่ทันการณ์ เป็นผลให้มวลน้ำจำนวนมากไหลเข้าสู่ปางช้าง ประมาณด้วยสายตาระดับน้ำสูงมากกว่า 1.5-2 เมตร

การขนย้ายช้างนับร้อย เป็นเรื่องที่ยากและสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียมาก ทั้งชีวิตคนและช้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อช้างเหล่านี้มิได้ถูกฝึกหรือสื่อสารกับคนเลี้ยงอย่างใกล้ชิดมาก่อน เราเริ่มจับตาอย่างใกล้ชิดว่าจะพอช่วยเหลือสนับสนุนอะไรได้บ้าง

เริ่มภารกิจ "ช่วยช้าง" เช้าวันที่ 4 ต.ค.

คณะของสถาบันคชบาลแห่งชาติ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เริ่มเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อเช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา จากการร้องขอของเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ ทางโทรศัพท์ เบื้องต้นรับทราบมาว่าให้ช่วยเคลื่อนย้ายและดูแลช้างเพศผู้ที่ยังอยู่ในคอก แต่ไม่สามารถออกมาได้ ในขณะที่ระดับน้ำกำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว คณะทำงานถูกตามตัว รวมทีมและประชุมอย่างเร่งด่วน และออกเดินทางในช่วงสายของวันนั้น

ภาพ : คุณน้ำหนึ่ง

ภาพ : คุณน้ำหนึ่ง

ภาพ : คุณน้ำหนึ่ง

เมื่อแรกไปถึงพบว่าเส้นทางเข้าถึงปางช้างถูกตัดขาด ท่ามกลางกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก การติดต่อด้วยโทรศัพท์ไม่สามารถทำได้ ต้องสื่อสารผ่านวิทยุสื่อสารคลื่นสั้นเท่านั้น คณะจึงต้องรอจนถึงบ่ายแก่ๆจึงได้เรือจากหน่วยกู้ภัย จ.กาฬสินธิ์ ข้ามน้ำเพื่อไปดูช้างตัวผู้ในคอกต่างๆเพื่อประเมินสถานการณ์ เราพบว่าช้างตัวผู้ยังอยู่ครบทั้งสิบเชือก ในสภาพที่ช้างลอยคออยู่ภายในคอก แต่ที่แปลกใจคือยังมีช้างตัวเมียอีกหลายสิบเชือกติดค้างอยู่ในคอกด้วย บ้างก็พิการขาเป๋ ตาบอด และยังทราบอีกว่าช้างอีกหลายเชือกได้สูญหายลอยไปกับน้ำด้วย เมื่อช่วงก่อนหน้า ซึ่งต่อมาพบซากของช้างฟ้าใส(วันเฉลิม)และพลอยทอง เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งต่อการสูญเสีย

คณะจึงตัดสินใจแบ่งทีมงานออกเป็น 2 ทีม เพื่อช่วยเหลือช้างให้ครอบคลุมทั้งสองกลุ่ม การดำเนินการในภาวะวิกฤตและเร่งด่วนเช่นนี้ โดยหลักการแล้วหากพบว่าช้างกับควาญสามารถสื่อสารกันได้ ก็จะให้ควาญช้างเป็นผู้นำและกำหนดทิศทางการเดินของช้างเพื่อความปลอดภัย เพราะช้างมักเดินเฉพาะเส้นทางที่เคยชิน ซึ่งในกรณีนี้ช้างมักคุ้นชินกับการเดินแบบอิสระในทุ่งกว้างที่อยู่ติดกับน้ำแม่แตงที่กำลังไหลเชี่ยว นับว่าอันตรายอย่างยิ่ง ฉะนั้นจึงจำเป็นที่ช้างเหล่านี้จะต้องมีควาญเป็นผู้ควบคุมทิศทางในกรณีช้างเพศเมีย หรือช้างที่ไม่ดุร้าย

วันแรกทุลักทุเล ใช้เชือกกำหนดเส้นทางเดิน

หากช้างกับควาญไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อน หรือมีแต่เพียงเล็กน้อย ในทางทฤษฎีที่มีการเคลื่อนย้ายช้างป่ามักวางยาซึมและนำทางด้วยผ้าพรางแสงตลอดทางเดินเพื่อนำช้างไปยังจุดที่ต้องการ แต่ในกรณีนี้มีน้ำท่วมสูงจึงค่อนข้างเสี่ยงที่จะวางยาซึม (ยาซึมช้างมีฤทธิ์คลายกล้ามเนื้อ ทำให้งวงตกลงสู่พื้น) โดยในวันนั้นคณะทำงานที่ประกอบด้วยสัตวแพทย์ ควาญช้างจากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ควาญพี่เบิ้ม (ปางที่อยู่ติดกัน) และภัทรฟาร์ม ซึ่งมีความชำนาญ ร่วมกับควาญช้างของมูลนิธิฯ ช่วยกันควบคุมและกำหนดเส้นทางด้วยเชือกให้ช้างเดินไปยังจุดที่ปลอดภัย แต่ก็ทุลักทุเลพอควรด้วยเพราะควาญกับช้างสื่อสารกันแทบไม่รู้เรื่อง วันนั้นทีมเราช่วยเหลือช้างตัวเมียได้บางส่วน กระทั่งมืดค่ำจึงยุติภารกิจในเวลา 19.30 น.

ภาพ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

ภาพ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

ภาพ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

ในกรณีช้างเพศผู้ ไม่สามารถวางยาซึมช้างในขณะที่ยังอยู่ในน้ำได้ ซึ่งจากข้อมูลที่ทีมงานได้รับ พบว่าช้างทุกเชือกไม่เคยผ่านการฝึกและบางเชือกมีประวัติทำร้ายคนมาก่อน จึงเกิดคำถามว่าหากเคลื่อนย้ายออกมาได้แล้วจะนำช้างไปผูกล่ามอย่างไร ที่ไหน ทั้งในภาวะซึมหรือปกติ ด้วยเพราะช้างไม่คุ้นเคยกับคนหรือช้างใด ๆ ช้างแต่ละเชือกอยู่ตัวเดียวในคอกมานาน

จากการประเมินพบว่าช้างทุกเชือกยังมีสภาพร่างกายปกติ (ยกเว้นพลายขุนเดชที่บาดเจ็บที่ขาหน้า) ดังนั้นจึงใช้วิธีวางแท่นพยุงให้ช้างสามารถใช้งวงยึดพยุงไม่ให้จมน้ำ หากพบว่าระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะจากประสบการณ์ตรงของคณะทำงานพบว่าช้างมักลอยน้ำและอยู่ในน้ำได้นานถึง 2 วัน 1 คืนในสภาพน้ำนิ่ง โดยไม่เกิดอันตราย ซึ่งจากสภาพช้างภายในคอกพบว่ากระแสน้ำยังคงไหล แต่ไม่เชี่ยวมากนักเมื่อเทียบกับในลำน้ำ ช้างน่าจะยังพอพยุงตัวเองไว้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ด้วยเพราะธรรมชาติของน้ำทางภาคเหนือมักมาเร็วไปเร็ว ไม่น่าจะท่วมนาน จึงกำหนดให้ทำแพต้นกล้วยไว้ให้ช้างเพื่อช่วยพยุง ต้นกล้วยยังเป็นอาหารและมีน้ำช่วยประทังชีวิตให้ช้างได้อีกด้วย ทั้งนี้ให้เฝ้าระวังพลายขุนเดชเป็นพิเศษ โชคดีในช่วงเย็นของวันเดียวกันระดับน้ำเริ่มลดระดับลง เป็นสัญญาณว่าน้ำน่าจะลดลงเป็นปกติในไม่ช้า

ตรวจสุขภาพ ฟื้นฟูร่างกาย-จิตใจช้าง

วันรุ่งขึ้นระดับน้ำลดลง เหลือเฉพาะในพื้นที่ลุ่มต่ำ ช้างเพศเมียถูกเคลื่อนย้ายขึ้นที่สูง ช้างตัวผู้ยังอยู่ในคอกของตัวเอง แต่ทุกตัวยังมีชีวิตอยู่ แม้บางเชือกอาจแสดงอาการอ่อนเพลียบ้าง ดังนั้นการฟื้นฟูสุขภาพกาย และสภาวะจิตใจของช้างและควาญจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะโรคต่าง ๆ ที่มาหลังน้ำท่วม น้ำป่า อาจเข้าสู่ร่างกายช้างในช่วงก่อนหน้าทั้งทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ซึ่งดินโคลนที่มีรสชาติเย้ายวนต่อการลิ้มลองของช้าง หรือแม้กระทั่งอาหารที่อาจปนเปื้อน ที่ล้วนนำมาซึ่งความเจ็บป่วยของช้างเหล่านี้ได้ และสภาพจิตใจของช้างที่อาจตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่คุ้นเคยกับสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป เหล่านี้จำเป็นต้องฟื้นฟูและเฝ้าระวังกันต่อไป

ภาพ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

ภาพ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

ภาพ : ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย

สรุปยอดรวมช้างในปางก่อนเกิดเหตุ จำนวน 118 เชือก ภายหลังน้ำลด พบช้างเพศเมีย 106 เชือก เป็นช้างเพศผู้ 10 เชือก สูญหายและเสียชีวิต 2 เชือก

วันนี้ฝนตกเบาบางลงแล้ว แต่หากเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันอีก การเรียนรู้บทเรียนและเตรียมแผนเผชิญเหตุทั้งของปางและผู้เกี่ยวข้องเป็นสิ่งที่ต้องจัดทำ

แม้ในวันนี้ช้างบ้านของไทยจะมีสถานะเป็นทรัพย์สินของผู้ถือครองตามกฎหมาย (พรบ.สัตว์พาหนะ ) แต่จากเหตุการณ์หลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา ล้วนกระทบจิตใจคนไทยส่วนใหญ่ หลายส่วนยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติดตามอย่างใกล้ชิด จึงเป็นสิ่งที่ทุกท่านพึงตระหนักให้ดีว่า "ช้าง" มีสถานะยิ่งกว่าทรัพย์สิน แต่เขาคือสิ่งที่มีคุณค่า ที่สูงค่าอันประเมินมูลค่ามิได้ ซึ่งเป็นสมบัติของคนไทยเราทุกคน

ทั้งนี้ ภายหลังเคลื่อนย้ายช้างไปยังจุดที่ปลอดภัยแล้ว ทีมสัตวแพทย์ จากสถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ, คณะสัตวแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้แบ่งทีมเข้าสำรวจช้างและประเมินสุขภาพช้างตามจุดต่าง ๆ

ถอดบทเรียน "เลี้ยงช้าง-สั่งการไม่ได้" อุปสรรคการช่วยเหลือ ? 

สลด! ช้างจมน้ำตายหลายเชือก Air Force บินสำรวจลำน้ำ 

อพยพวุ่น! ช่วยช้างได้ 50 เชือก ถนน "แม่แตง-แม่ตะมาน" น้ำท่วมสูง 

ยัน 2 ซากช้างชื่อ "พลอยทอง" ช้างตาบอด "พังฟ้าใส" จมน้ำตาย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง