ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

10 อันดับข่าวปลอมคนหลงเชื่อ ดีอีย้ำยึดหลัก "4 ไม่" ก่อนกดลิงก์

สังคม
11 ต.ค. 67
14:06
421
Logo Thai PBS
10 อันดับข่าวปลอมคนหลงเชื่อ ดีอีย้ำยึดหลัก "4 ไม่" ก่อนกดลิงก์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ดีอี" เตือน อย่าเชื่อ-แชร์ ข่าวปลอม หวั่นสร้างความสับสนประชาชน พบ 6 ใน 10 อันดับเกี่ยวข้องกับข่าวอาชญากรรมออนไลน์ เตือนให้ยึดหลัก "4 ไม่" ก่อนกดลิงก์

วันนี้ (11 ต.ค.2567) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ตรวจพบข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์รายสัปดาห์ที่ประชาชนให้ความสนใจสูงสุด อันดับที่ 1 เรื่อง "เหยื่อจากคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียนขอรับเงินคืน 3 ช่องทาง ผ่านเพจ ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทางออนไลน์" รองลงมาคือเรื่อง "เปิดให้ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ เริ่มต้น 1,200 บาท ผลตอบแทน 10-30% กำกับดูแลโดย ก.ล.ต." โดยขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เลือกเชื่อ เลือกแชร์ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หวั่นสร้างความสับสน เข้าใจผิด และส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง

นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะโฆษกกระทรวงฯ กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.-3 ต.ค.2567 พบข้อความที่เข้ามาทั้งหมด 835,553 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 337 ข้อความ

สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุด คือ ข้อความที่มาจาก Social Listening จำนวน 325 ข้อความ ตามมาด้วยการแจ้งเบาะแสผ่าน Line Official จำนวน 8 ข้อความ และช่องทาง Facebook จำนวน 3 ข้อความ รวมเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 182 เรื่อง และ จากการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับผลการตรวจสอบกลับมาแล้ว 101 เรื่อง โดยในจำนวนนี้มี

10 อันดับ ข่าวปลอมอาชญากรรมออนไลน์คนสนใจที่สุด

  1. เหยื่อจากคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียนขอรับเงินคืน 3 ช่องทาง ผ่านเพจ ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทางออนไลน์
  2. เปิดให้ลงทุนในธุรกิจค้าปลีกประเภทร้านสะดวกซื้อ เริ่มต้น 1,200 บาท ผลตอบแทน 10-30% กำกับดูแลโดย ก.ล.ต.
  3. ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอนเล่นหุ้น ให้คำปรึกษาแนะนำการซื้อขาย เริ่มต้นที่ 1,000 บาท
  4. เหยื่อคอลเซ็นเตอร์ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิเพื่อรับเงินคืนได้ ผ่านทางเพจหน่วยงานต่อต้านภัยสังคม ทางเทคโนโลยี
  5. ป.ป.ท. เปิดเพจรับแจ้งความออนไลน์ ติดต่อตำรวจสอบสวนกลางได้โดยตรง
  6. ปปง. เปิดให้ผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์แจ้งลงทะเบียนขอรับเงินคืนได้ ผ่านเพจ Crime Suppression Division
  7. กรุงไทยใจป้ำ สินเชื่อเพื่อเดอะแบก วงเงินอนุมัติสูงสุดถึง 10 เท่าของรายได้ต่อเดือน สูงสุด 3 ล้านบาท
  8. กรุงไทยเปิดให้ลงทุนระยะสั้น 1,125 บาท รับ 398 บาท ลงทุนระยะยาว 3,295 บาท รับ 1,129 บาท ผ่านเพจ Krungthai KTX Life
  9. ปปง. จับมือ 2 ธนาคาร คืนเงินเหยื่อจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เปิดให้ลงทะเบียนขอรับเงินคืน ผ่านทางเพจสมาคมเสริมสร้างภัยทางออนไลน์
  10. กระทรวงยุติธรรม เปิดเพจเฟซบุ๊ก กรมคุ้มครองสิทธิ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชน

นายเวทางค์ กล่าวเมื่อพิจารณาจากข่าวปลอมที่ประชาชนสนใจมากที่สุด จาก 10 อันดับข้างต้น พบว่าเป็นข่าวที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามนโยบายของรัฐบาล หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะการเปิดให้ลงทะเบียนคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซนเตอร์ มากถึง 6 อันดับ

ข่าวปลอมอันดับ 1 เรื่องเหยื่อจากคอลเซ็นเตอร์ ลงทะเบียนขอรับเงินคืน 3 ช่องทาง ผ่านเพจ ศูนย์ช่วยเหลือเหยื่อมิจฉาชีพทางออนไลน์ ซึ่งตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ

กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบพบว่า ข้อมูลในสื่อออนไลน์ดังกล่าวเป็น "ข้อมูลปลอม" สร้างขึ้นโดย "มิจฉาชีพ" และ เพจดังกล่าวไม่ใช่เพจของสำนักงาน ปปง. โดยเพจจริงของสำนักงาน ปปง. ชื่อ "สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน – ปปง." มีสัญลักษณ์ติ๊กถูกสีฟ้า (Meta Verified) อยู่ด้านหลังชื่อเพจ ซึ่งผ่านการยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว (ลิงก์: https://www.facebook.com/AMLOTHAILAND/) และ ปปง. ไม่เคยเปิดเพจเฟซบุ๊กอื่นเพื่อรับคำร้องหรือช่วยเหลือผู้เสียหายผ่านเพจเฟซบุ๊กใด ๆ ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ตามประกาศของ ปปง. ที่เปิดสิทธิให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องเพื่อขอรับการคุ้มครองสิทธินั้น หากข้อเท็จจริงของผู้เสียหายตรงกับข้อเท็จจริงที่ระบุไว้ในประกาศของ ปปง. แล้ว ผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องได้ 3 ช่องทาง ได้แก่

  1. ยื่นด้วยตนเอง ณ สำนักงาน ปปง. หรือสถานที่อื่นที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด
  2. ยื่นทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
  3. ยื่นผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ตามที่สำนักงาน ปปง. กำหนด (จะมีการระบุไว้ในประกาศฯ)

ทั้งนี้ ปปง. กำหนดให้ยื่นคำร้อง ผ่าน 3 ช่องทางข้างต้นนี้เท่านั้น ไม่มีการมอบหมายให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี หรือยื่นเอกสารผ่านช่องทางในสื่อสังคมออนไลน์ทุกช่องทางแต่อย่างใด ดังนั้นขอเตือนให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยประชาชนสามารถติดต่อสอบถาม ปปง.ได้ที่โทร 02-219-3600

อย่างไรก็ตาม ดีอี แนะประชาชนควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด โดยสามารถสอบถามผ่าน สายด่วน 1111 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกันนี้ขอให้ยึดหลัก 4 ไม่

  1. ไม่กดลิงก์
  2. ไม่เชื่อ
  3. ไม่รีบ
  4. ไม่โอน

หรือสามารถแจ้งเบาะแส ข่าวปลอม และอาชญากรรมออนไลน์ทุกรูปแบบ โทรสายด่วน 1111 (24 ชม.) Line ID : @antifakenewscenter เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

 

อ่านข่าวเพิ่ม : 

ดรามาย้ายช้าง รอ 1 เดือนประเมินใจ "ดอกแก้ว" เพิ่งพ้นน้ำท่วม

เจาะพื้นที่ภูเก็ต "น้ำท่วมซ้ำซาก" เล็งดึงเอกชนพัฒนาระบบเตือนภัย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง