ความคืบหน้ากรณีแม่ค้าใน อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ได้ทยอยนำหลักฐานทั้งข้อความแชทสนทนา และสลิปการโอนเงิน เข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านกรวด โดยกล่าวหาถูก น.ส.กิ๊ฟ อายุประมาณ 30 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.บ้านกรวด ตั้งตัวเป็นเท้าแชร์ “บ้านกิ๊ฟซี่” โกงเงินลูกแชร์หลายจังหวัดไม่ต่ำกว่า 60 คน สูญเงินรายละตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท รวมมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (28 ต.ค.67) พนักงานสอบสวน สภ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ยังเร่งสอบปากคำผู้เสียหายจากแชร์ “บ้านกิ๊ฟซี่” ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ก่อนหน้านี้ พร้อมรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบสำนวนคดี โดยหลักฐานที่ผู้เสียหายนำมามอบให้ตำรวจประกอบด้วยข้อความแชทสนทนา รายชื่อแชร์วงต่างๆ และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของเท้าแชร์เบื้องต้นจากหลักฐานและคำให้การของพยาน เข้าข่ายความผิดข้อหา ฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.การเล่นแชร์
ขณะที่ น.ส.กิ๊ฟซี่ หรือ เท้าแชร์บ้านกิ๊ฟซี่ ยังล่องหนไม่ติดต่อเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากพนักงานสอบสวน ทำการสอบปากคำผู้เสียหายแล้วเสร็จ ก็จะมีการเรียกผู้ถูกกล่าวหามาสอบสวน แต่หากไม่มาก็จะต้องออกหมายเรียก แต่หากยังไม่มาก็จะต้องออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป
ด้านนางภิญญา แม่ค้าขายน้ำใน อ.บ้านกรวด บอกว่า สาเหตุที่ตัดสินใจร่วมเล่นแชร์กับบ้านแชร์กิ๊ฟซี่ เพราะเท้าแชร์มีความน่าเชื่อถือ เป็นลูกผู้อำนวยการโรงเรียน มีร้านขายของเป็นของตัวเอง มีรถยนต์ และรถจักรยานยนต์หลายคัน และเปิดมาหลายปีแล้ว ซึ่งช่วงแรกๆ ที่ลงเล่นก็ได้ดอกเบี้ยจากการเปียแชร์จริง แต่ล่าสุดลงเงินเล่นแชร์ไปหลายวงรวมเป็นเงินกว่า 160,000 บาท นอกจากนี้ยังมีพี่น้องไปเล่นแชร์ในบ้านนี้ด้วยอีก 2 คน รวมตนเองเป็น 3 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 1,700,000 ล้านบาท
แต่สุดท้ายเท้าแชร์กลับบอกว่าบ้านล่มไม่มีเงินมาจ่ายให้ลูกแชร์ เชื่อว่าน่าจะเจตนาโกง อยากให้เท้าแชร์รับผิดชอบเอาเงินมาคืน เพราะเงินที่ลงเล่นแชร์ไปกว่า 160,000 บาท เป็นเงินที่ได้จากการค้าขายเก็บสะสมไว้จะจัดงานบวชให้ลูกชายช่วงเดือน ก.พ.2568 แต่หากยังไม่ได้เงินจากเท้าแชร์คืนก็ยังไม่รู้จะเอาเงินจากไหนจัดงานบวชให้ลูกชาย
อ่านข่าว :
ศาลสั่งจำหน่าย "คดีตากใบ" ขาดอายุความ-จับผู้ต้องหาไม่ได้