การทิ้งบอมบ์ของ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ใส่พรรคเพื่อไทย ปมอักษรย่อรายชื่อเหล่าเทวดา 6 บวก 3 คนที่เกี่ยวโยงกับดิไอคอนกรุ๊ป จนกลายเป็นเกมทายอักษรไขว้ใบ้คำไปโดยปริยาย
อันดับแรก พล.ต.ท.ปิยะ เป็นนายตำรวจเก่า อดีตผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 และอดีตรอง ผบช.น. เคยเป็นโฆษก บช.น. เคยร่วมแถลงข่าวกับทีมโฆษก ตร.อยู่เนือง ๆ มีหรือจะธรรมดา
ตำแหน่งหน้าที่เหล่านี้ มีหรือข้อมูลข่าวสารอะไรที่เป็นคดีความ และมีบันทึกไว้ในสาระบบตำรวจ จะรอดพ้นหูพ้นตา ข้อมูลที่เปิดออกมา พร้อม “อักษรย่อ” ทำเอาสะเทือนทั้งพรรคเพื่อไทย
ไม่เพียง บอส ก.ที่เคยสมัคร สส.พรรคเพื่อไทย และ ม. ที่เป็น กมธ.คุ้มครองผู้บริโภคของสภาผู้แทนฯชุดก่อน บ. ยังมี ก. ธ. ส. ต. อ. รวมทั้ง “จ่า”
6 คนนี้เกี่ยวพันกับนักการเมืองในรัฐบาลชุดปัจจุบัน และชุดก่อนหน้าเลือกตั้งปี 2566 แถมยังมี “ส.-ฮ.-ด.” พ่วงอีก
ตรงเป้าตรงตัวแค่ไหน ดูได้จากท่าทีของแกนนำในพรรคเพื่อไทย ที่เรียงหน้าออกมาตอบโต้เรื่องนี้
ไม่ว่าจะเป็น แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.กลาโหมสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา และ มนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม และเป็นอดีต กมธ.คุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนฯ รัฐบาลสมัยที่แล้ว
ต่างเรียงหน้าปฏิเสธว่า “พรรคเพื่อไทย” ไม่ได้เกี่ยวข้อง และซัดกลับด้วยว่า เรื่องดิไอคอนกรุ๊ป มีการร้องเรียนตั้งแต่สมัยรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ แต่กลับไม่จัดการ ปล่อยให้เกิดการฉ้อโกง ทำประชาชนเดือดร้อน พอถึงตอนนี้ กลับจ้องโยนผิดให้พรรคการเมืองอื่น รวมทั้งท้าทาย ให้ส่งหลักฐานมา ไม่ใช่แค่การคาดเดา
แต่ประเด็นที่แกนนำพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้แจกแจงให้เกิดความกระจ่าง และเข้าใจร่วมกัน คือรายชื่ออักษรไขว้ใบ้คำคนอื่น ๆ นั้น เป็นใครบ้าง เกี่ยวข้องอย่างไรกับดิไอคอนกรุ๊ป ในฐานะผู้มีตำแหน่งทางบริหาร หรือทางนิติบัญญัติ รวมทั้งประเด็นที่ พล.ต.ท.ปิยะ เทบอมบ์ใส่พรรคเพื่อไทย ให้ไปตรวจสอบดูว่า ใครเป็นรัฐมนตรียุติธรรมช่วงปี 2562
ตอนนั้น ไม่เพียงนักการเมือง ส.เสือ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี ในช่วงจังหวะมีการร้องเรียนดิไอคอนกรุ๊ปเท่านั้น ยังมีตำแหน่งทางการเมืองที่มาจากการแต่งตั้งอีก 2 ตำแหน่งใหญ่ คือที่ปรึกษารัฐมนตรี และเลขานุการรัฐมนตรี
ซึ่งมีชื่อนำหน้าหรือชื่อย่อบางคน ไปตรงกับอักษรไขว้ใบ้คำของโฆษกพรรคพลังประชารัฐ พอดี จะเกี่ยวพันกับดิไอคอนกรุ๊ปหรือไม่ ไม่ทราบ แต่พรรคเพื่อไทย ควรจะตั้งกรรมการหรือให้เจ้าหน้าที่ที่ทำคดีดิไอคอน ไปตรวจสอบบุคคลเหล่านี้อย่างจริงจัง จะเป็นผลดีต่อพรรคเพื่อไทย และต่อบุคคลที่ถูกระบุชื่อ มีย่ออักษรไขว้ใบ้คำอีกต่างหาก
ครั้งนั้น คอการเมืองส่วนหนึ่งคงจำได้ดีว่า สื่อสำนักใหญ่ค่ายหนึ่งพาดหัวข่าวช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2562 ว่า “เดือด! อธิบดีคุก ฉะฝ่ายการเมือง “ มีรายละเอียดในสารพัดสื่อ เพราะเป็นเรื่องยาก ที่ข้าราชการจะหาญกล้าไปปะทะคารมกับนักการเมือง
แต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ขณะนั้น พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล้าระบุว่าการเมือง “ล้ำเส้น” ต้นเหตุมาจากทีมงานนักการเมืองเจ้ากระทรวงยุติธรรม ไปวิพากษ์ในเชิงลบ ตั้งธงว่า อาจมีการทุจริตในโครงการก่อสร้างเรือนจำ มีการล็อคสเป็ก อุปกรณ์เสริมความมั่นคงในเรือนจำ 4 แห่ง มีการเปิดประเด็นออกสื่อรายวัน โดยไม่สอบถามข้อเท็จจริง หรือให้โอกาสข้าราชการได้ชี้แจงก่อน
ซึ่งประเด็นแทรกแซงข่มขู่ดังกล่าว อาจไม่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีโดยตรง แต่การแต่งตั้งทีมงานและตำแหน่งทางการเมือง ทั้งกรรมการผู้ช่วย ที่ปรึกษา และเลขานุการ ผู้ลงนามคือ รัฐมนตรี
ส่วนใหญ่เป็นโควต้าส่วนตัว บวกกับโควต้าของพรรค ยังไม่นับตำแหน่งโหลอื่น ๆ ที่ไม่เป็นทางการ ที่มีอีกเป็นจำนวนมาก หากมีตรวจสอบย้อนหลังด้วย อาจได้คำตอบที่ถูกซุกซ่อนไว้มากมาย เช่น เป็นแค่พลขับ หรือเป็นเสมือนแขนขาใกล้ตัว จะมีตำแหน่งทางการเมืองทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ
นับเป็นเรื่องที่ดี เมื่อรัฐมนตรียุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ชี้เปิดช่องให้มีการเรียกโฆษกพรรคพลังประชารัฐ มาให้ปากคำกับดีเอสไอ หรือถ้าจะให้ไวกว่านั้น อาจให้ดีเอสไอ เดินทางไปสอบปากคำและขอข้อมูลจากพล.ต.ท.ปิยะ แต่เนิ่น ๆ ไปเลย
เท่ากับจะไม่เป็นเพียงสงครามน้ำลาย ไม่เกิดกรณีมวยล้มต้มคนดู เพราะ “ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่” แต่การเอาหลักฐานข้อเท็จจริงมาสู้กัน อย่างที่หลายคนคาดหวังอยากได้เห็น จะเท่ากับรับประกันกลาย ๆ ว่าเรื่องแบบนี้ไม่จบง่าย ๆ แบบฟรี ๆ ไม่มีคนผิดอีกต่อไป
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : ศาลฎีกา ยืนจำคุกตลอดชีวิต "ผอ.ตุ๊" ฆ่าอำพราง "น้องหลิว"