วันนี้ (6 พ.ย.2567) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า Paul Beck ศาสตราจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ชาวอเมริกันจะต้องเลือกระหว่างสถานภาพที่เป็นอยู่ กับการเปลี่ยนแปลงในระดับชาติแบบหน้ามือเป็นหลังมือ โดยหากแฮร์ริสชนะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ จากรัฐบาลของไบเดน แต่หากทรัมป์ชนะจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าหากทรัมป์พ่ายแพ้ ทรัมป์จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและจะทำทุกอย่างเพื่อขัดขวางการนับคะแนน พร้อมคาดว่าวันประชุมของสมาชิกสภาคองเกรส เพื่อลงมติรับรองผลเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ จะมีขึ้นในวันที่ 5 ม.ค.2025
นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า จากสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงหลังศึกเลือกตั้งในปี 2020 เห็นได้ชัดว่าทรัมป์พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางผลการเลือกตั้ง และทรัมป์จะทำแบบนั้นอีก แต่ไม่ใช่ในแบบที่เขาเคยทำขณะยังอยู่ในอำนาจเมื่อปี 2020 หรือต้นปี 2021 พร้อมทั้งระบุว่าแทบจะไม่มีอะไรที่จะมาขัดขวางทรัมป์ไม่ให้ทำในสิ่งที่เขาต้องการได้
ทรัมป์ยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เมื่อปี 2020 พร้อมทั้งอ้างว่าโจ ไบเดน ชนะด้วยการโกง และในการเลือกตั้งครั้งนี้ทรัมป์และฝ่ายรีพับลิกันอ้างว่ากำลังมีการโกงเกิดขึ้นในรัฐเพนน์ซิลเวเนีย แต่คำกล่างอ้างดังกล่าวไม่มีหลักฐานใด ๆ มายืนยัน
ย้อน "เหตุไม่คาดฝัน" พลิกชะตาเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024
กว่าจะเดินทางมาถึงการเลือกประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันนี้ การเมืองอเมริกันผ่านเหตุการณ์ทุลักทุเลพอสมควร เพราะช่วงที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อทั้งฝั่งรีพับลิกันและเดโมแครต ซึ่งอาจเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่ตัดสินผู้ชนะ
โดนัลด์ ทรัมป์ และ โจ ไบเดน ดีเบตชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรกของการเลือกตั้งในปี 2024 ที่สตูดิโอของ CNN ในเมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.2024
อาการเสียศูนย์เนื่องจากอายุที่เพิ่มมากขึ้นของ โจ ไบเดน แสดงออกมาให้ผู้ชมทั่วโลกเห็นได้เด่นชัดในระหว่างศึกโต้อภิรายกับโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน งานนี้ผู้ชมทั่วโลกต่างฟันธงตรงกันว่าไบเดนแพ้หมดรูปและกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้
แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แต่ไบเดนยืนยันจะเดินหน้าสู้ต่อไป เช่นเดียวกับสมาชิกพรรคเดโมแครตบางส่วนที่ยังคงปกป้องและประกาศสนับสนุนไบเดน ท่ามกลางความกังวลใจของบรรดาแกนนำและสมาชิกพรรคอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งการเพลี่ยงพล้ำเสียท่าในศึกโต้อภิปรายครั้งนั้นทำให้ทรัมป์เป็นฝ่ายที่ถือแต้มต่อ ถึงแม้ตัวเองกำลังเจอกับมรสุมคดีความ
อ่านข่าว : กระแสแผนปฏิรูป "ทรัมป์" เตรียมจูงมือพันธมิตรเปลี่ยนแปลงประเทศ
แต่หลังจากนั้น เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดได้เกิดขึ้น วันที่ 13 ก.ค.2024 ทั่วโลกต้องตกตะลึงกับเหตุลอบสังหารทรัมป์ ซึ่งในวันนั้นทรัมป์ได้ชูกำปั้นขึ้น พร้อมตะโกนปลุกใจให้สู้ต่อไป จนกลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ที่ผู้คนต่างพากันพูดถึง
โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิงขณะปราศรัยที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.2024 ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ
กระแสขาขึ้นของทรัมป์ได้บดบังรัศมีของโจ ไบเดน ให้จางหายไป ท้ายที่สุดบรรดาแกนนำพรรคเดโมแครตต้องกดดันให้ไบเดนยอมตัดสินใจยุติเส้นทางของตัวเองเอาไว้เพียงแค่นี้ และไบเดนส่งไม้ต่อให้กับคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ซึ่งต่อมาเธอได้เลือกทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินเนโซตา มาเป็นคู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของเธอ
หลังการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร คะแนนนิยมของทั้งคู่กลับมาสูสีกันอย่างมาก เมื่อถึงคราวที่ทั้งทรัมป์และแฮร์ริสต้องเผชิญหน้ากันในศึกประชันวิสัยทัศน์ครั้งแรกและครั้งเดียว ทั่วโลกจึงเฝ้าติดตามกันอย่างใกล้ชิด ซึ่งถือว่าเป็นไปอย่างดุเดือด แต่ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดหนีไม่พ้นประโยคเด็ดจากทรัมป์ที่กล่าวถึงผู้อพยพอย่างรุนแรง
"In Springfield, they're eating the dogs, the people that came in. They're eating the cats. They're eating the pets of the people that live there. (ในเมืองสปริงฟิลด์ พวกเขา (ผู้อพยพ) กำลังกินสุนัข คนที่เดินทางเข้ามา พวกเขากำลังกินแมว พวกเขากำลังกินสัตว์เลี้ยงของประชาชนที่อาศัยอยู่ที่นั่น)"
และแม้ใกล้เข้าสู่วันเลือกตั้ง ทรัมป์ยังไม่วายถูกหมายปองชีวิตอีกเป็นครั้งที่ 2 ในสนามกอล์ฟที่รัฐฟลอริดา แต่ครั้งนี้ไม่ได้รับอันตรายใด ๆ
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในครั้งนี้อาจพูดได้ว่าปั่นป่วนมากที่สุดครั้งหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นเช่นไร แต่เหตุการณ์ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาก็ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ ไปแล้ว
อ่านข่าว
สหรัฐฯ-จีน โจทย์ท้าทายประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47
ทุกเสียงมีค่า! NASA พาคะแนนโหวตประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับมาได้
"พิธา" มองนโนบายเลือกตั้งสหรัฐฯ 2024 ไทยได้ทั้งประโยชน์-ความเสี่ยง
มองจุดยืน "ทรัมป์-แฮร์ริส" ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ กับความขัดแย้งทั่วโลก