แล้วก็ไม่รอด “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โดนตำรวจจับกุมตัวพร้อมภรรยาขณะขับรถยนต์หรูราคาแพง ที่แยกไฟแดงพนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หลังศาลอนุมัติหมายจับข้อหาฉ้อโกง ฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปฟอกเงิน
รวดเร็วฉับไวเพราะตำรวจกองปราบซุ่มติดตาม ตั้งแต่ออกจากบ้านพักที่กรุงเทพฯ แล้ว ระหว่างรอศาลอนุมัติหมายจับ ในคดีลวงเงิน “เจ๊อ้อย” น.ส.จตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจไทยที่ไปประสบความสำเร็จในฝรั่งเศส
อ่านข่าว : เส้นทาง "ทนายตั้ม" บทบาททนายความบนความสนใจของสังคม
เป็นการแสดงศักยภาพของตำรวจกองปราบฯ และตำรวจสอบสวนกลาง ที่เพิ่งจะโอนสำนวนคดีดิไอคอนกรุ๊ป ไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอทำแทน
ท่ามกลางความวิตกของผู้คนบางส่วน เนื่องจากเห็นว่า ความพร้อมและความคล่องตัวของตำรวจมีมากกว่า คือเปิดช่องให้ผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความร้องทุกข์ได้ทุก สน.และสภ.ทั่วประเทศ แต่ดีเอสไอมีกำลังเจ้าหน้าที่จำกัดมาก ขณะที่ผู้เสียหายดูจากจำนวนลูกข่ายมีมากกว่า 3 แสนคน แต่สามารถฝากขังเพื่อสอบสวนได้เพียง 84 วัน
นอกจากนี้ การก่อเกิดครั้งแรกของดีเอสไอ เพื่อให้รับผิดชอบหรือทำคดีที่มีความซับซ้อน หรือเป็นคดีที่เกี่ยวพันกับนักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพล
แต่จนแล้วจนรอดขณะนี้ นักการเมืองหรือผู้มีอิทธิพลกลับใช้ดีเอสไอ เป็นเครื่องมือในการทำคดี เพื่อหวังผลทางการเมือง หรือจัดการกับศัตรูหรือคู่แข่งทางการเมืองแทน แต่ทางตำรวจกลับเป็นฝ่ายกล้าแข็งข้อ ไม่ยอมรับใช้นักการเมือง
ในคดีดิไอคอน นายษิทราไปปรากฎตัวเป็นหนึ่งในทีมอเวนเจอร์ของกลุ่มทนายความคนดังที่สอบสวนกลาง เพื่อคอยช่วยเหลือเหยื่อ หรือผู้เดือดร้อนจากถูกชักจูงให้ลงทุน ด้วยเชื่อถือในตัว “บอสดารา” และแม่ข่าย ที่ทำหน้าที่โปรโมทและโฆษณาชวนเชื่อว่า ลงทุนแล้วรวยแน่ ๆ
ไม่เพียงเท่านั้น “ทนายตั้ม” ยังโดดเด่นในฐานะคนพาผู้เดือดร้อนดังกล่าวส่วนหนึ่งไปแจ้งความร้องทุกข์กับทางตำรวจด้วย
เวลาต่อมา “ทนายตั้ม” จะถูกทนายความของ “บอสพอล” ระบุว่า เป็นหนึ่งในเจ้าของคลิปเสียงที่คุยกับ “บอสพอล” และถูกบันทึกไว้ในสมาร์ทโฟน เครื่องที่ให้คนขับรถถือไว้ เรียกรับผลประโยชน์จำนวนหนึ่ง
ก่อนที่ “ทนายตั้ม” จะอ้างว่า เป็นตัวเลขที่ระบุให้ผู้บริหารดิไอคอนกร๊ป ต้องจ่ายคืนให้กับกลุ่มคนที่เขาพาเข้าแจ้งความตำรวจต่างหาก
ก้อนจะมี “งานงอก” สำหรับ “ทนายตั้ม” ทั้งเรื่อง “เจ๊อ้อย” แจ้งความเรื่องลวงเงิน 2 ล้านยูโร หรือคิดเป็นเงินไทย 71 ล้านบาท และ น.ส.วรัชญากรณ์ อ่อนธรรม หรือ “หนึ่ง บางปู” อินฟลูเอ็นเซอร์และแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ออกโรงแฉ ถูกทนายตั้มเรียกค่าเป็นทนายความฟ้องหย่าสามีเก่า เป็นเงิน 10 ล้านบาท แต่คดีก็ไม่คืบ
เป็นเหตุให้ “ทนายตั้ม” โดนหมายจับและถูกตำรวจกองปราบรวบตัวและพาไปค้นบ้านที่มีสภาพเป็นคฤหาสน์หรูเสียมากกว่า และต่างจากบ้านของทนายความทั่วไป มิหนำซ้ำ เจ้าหน้าที่ยังนำกระเป๋าแบรนด์เนมนับสิบใบไปตรวจสอบอีกต่างหาก
“ทนายตั้ม” ยังถูกตำรวจค้านประกันตัว เพราะฐานความผิดลงโทษน่าจะหลายปี และเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยาน
สำหรับนักการเมืองชื่อดัง ในคราบของนักร้องเรียน และชอบอ้างผลงานการต่อต้านแชร์ลูกโซ่มานาน ทั้งยังชัดเจนว่า เป็นหนึ่งในเจ้าของคลิปเสียงสนทนา พร้อมเรียกตบทรัพย์จากผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป กลับยังไม่มีอะไรคืบหน้าอย่างที่ควรจะเป็น และไม่รู้ว่าจะเสกเป่ามนต์ขลังปกป้องตนเองจากคุกได้หรือไม่
แต่สะท้อนให้เห็นข้อแตกต่าง คนหนึ่งคดีเดินหน้ารวดเร็วด้วยฝีมือกองปราบฯและสอบสวนกลาง เรียกความมั่นใจจากผู้คนได้ไม่มากก็น้อย แต่อีกคนหนึ่งที่ทำคดีโดยดีเอสไอ กลับไม่รู้ว่า อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะรอดหรือร่วง ยังไม่รู้อะไรทั้งนั้น
ใครรู้ช่วยตอบที
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา บรรณาธิการอาวุโส
อ่านข่าว : บรรยากาศดี๊ดี! แจก 20 พิกัดลอยกระทง 2567 ที่ต้องไปเช็กอิน
#สร้างภูมิสู้ภัยไซเบอร์ 5 หน่วยงานร่วมมือเปิดตัว Cyber Booster