ปธน.ยุน ซอก-ยอล เผชิญวิกฤตครั้งใหญ่หลังประกาศกฎอัยการศึกช่วงกลางดึกวันที่ 3 ธ.ค.2567 โดยกล่าวหาพรรคฝ่ายค้านหลักว่ามีความเชื่อมโยงกับเกาหลีเหนือ ต่อมาคำสั่งดังกล่าวถูกยกเลิกภายใน 6 ชั่วโมง เนื่องจากการลงมติของสมาชิกรัฐสภา 190 คนที่ไม่เห็นด้วย
เหตุการณ์นี้นำไปสู่การยื่นมติถอดถอน ปธน.ยุน จากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ โดยฝ่ายค้าน 6 พรรค อ้างว่าการกระทำของ ปธน.ยุน เป็นการล่วงละเมิดประชาธิปไตยและสร้างความขัดแย้งในประเทศ หากได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 ของสมาชิกสภาแห่งชาติ หรืออย่างน้อย 200 เสียง จากทั้งหมด 300 เสียง ปธน.ยุน จะถูกพักอำนาจชั่วคราว และ นายกรัฐมนตรี ฮัน ดอกซู จะเข้ารับตำแหน่ง "รักษาการ" แทนระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคดี ซึ่งจะมีผู้พิพากษา 9 คน พิจารณาคดี ภายในกรอบเวลา 180 วัน
หากศาลเห็นชอบด้วยคะแนนเสียงอย่างน้อย 6 เสียง ยุนจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และเกาหลีใต้จะต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ภายใน 60 วัน
"ผู้นำชั่วคราว" บทบาทของ นายกฯ ฮัน ดอกซู
ฮัน ดอกซู วัย 75 ปี เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในระบบราชการและการเมืองเกาหลีใต้มาอย่างยาวนาน เขาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในช่วงปี 2550-2551 ภายใต้รัฐบาลของ ปธน.โรห์ มูฮยอน และเคยดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตเกาหลีใต้ประจำสหรัฐฯ ระหว่างปี 2552-2555
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ปธน.ยุน ไม่ได้แจ้งแผนการประกาศกฎอัยการศึกให้ นายกฯ ฮัน ทราบล่วงหน้า แต่สื่อสารผ่าน รมว.กลาโหม โดยตรง การกระทำดังกล่าวส่งผลให้เกิดความตึงเครียดในรัฐบาล
นายกฯ ฮัน ดอกซู
ตัวเก็งเลือกตั้งครั้งใหม่ ผู้นำฝ่ายค้าน "ลี แจ-มยอง"
หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังจากการถอดถอน ยุน ซอก-ยอล ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี "ลี แจ-มยอง" หัวหน้าพรรคประชาธิปไตย จะเป็นตัวเก็งสำคัญในการแข่งขันครั้งหน้า เขาเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดคยองกีและนายกเทศมนตรีเมืองซองนัม ลีเป็นที่รู้จักในฐานะนักกฎหมายด้านสิทธิมนุษยชนและแรงงาน และได้รับความนิยมในหมู่ประชาชนชนชั้นล่าง
อย่างไรก็ตาม ลีกำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการคอร์รัปชันในช่วงดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี โดยเฉพาะการละเมิดกฎหมายการเลือกตั้งเกี่ยวกับโครงการพัฒนาที่ดิน แม้ว่าเขายื่นอุทธรณ์สู้ต่อ แต่หากแพ้คดี อาจส่งผลให้เขาสูญเสียสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้ง
ผู้นำฝ่ายค้าน ลี แจ-มยอง
ผลสำรวจล่าสุดโดย Realmeter พบว่าร้อยละ 73.6 ของประชาชน สนับสนุนมติถอดถอน ปธน.ยุน ความตึงเครียดทางการเมืองครั้งนี้ได้สร้างความไม่แน่นอนในประเทศและส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในระดับนานาชาติ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการทดสอบความแข็งแกร่งของระบบประชาธิปไตยในเกาหลีใต้ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับการแบ่งขั้วทางการเมืองและความเปราะบางของผู้นำประเทศในยุคที่ความไว้วางใจของประชาชนอยู่ในจุดต่ำสุด
ที่มา : Yonhap News Agency, Al Jazeera
อ่านข่าวเพิ่ม :
ย้อน 83 ปี "เพิร์ลฮาร์เบอร์" การโจมตีที่พาสหรัฐฯ เข้าสู่สงครามโลก