"กัณวีร์" เชื่อยิง ​"​ลิม กิมยา" คือกดปราบข้ามชาติ​ สะท้อนกฎหมายไทยหย่อนยาน

วันนี้ (8 ม.ค.2568) นายกัณวีร์ สืบแสง​ สส.​บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม​ กล่าวถึง​กรณีคนร้ายก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา ชาวกัมพูชา สัญชาติฝรั่งเศส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และอดีต ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ชาวกัมพูชา ที่ย่านบางลำภู เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.2568) ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกว่าการกดปราบ ข้ามชาติ ซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่ใช่กรณีแรก เป็นการที่ผู้ลี้ภัยหนีการประหัตประหาร จากประเทศ 1 มาอีกประเทศหนึ่ง และมีการร่วมมือกันไม่ว่าจะเป็นอย่างเปิดเผยหรือในทางลับ ทำให้เกิดการกดปราบข้ามชาติ

อ่านข่าว : ตร.เร่งตามจับมือยิงนักเคลื่อนไหวทางการเมืองชาวกัมพูชาดับ 

เหมือนกรณีของนายวันเฉลิม ​สัตย์ศักดิ์สิทธิ์​ ที่หายตัวในกัมพูชา​ ขณะที่เมื่อเดือนที่แล้วทางการไทยได้ส่งตัวอดีตนักเคลื่อนไหว ชาวกัมพูชากลับไปกัมพูชา ซึ่งสะท้อนให้เห็นความหย่อนยานในกระบวนการกฎหมายของไทย

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เห็นได้อย่างชัดแจ้งว่า เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศนายกัณวีร์​ กล่าวว่าแน่นอนเพราะตนทำเรื่องนี้มาอย่างยาวนาน และช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมามีอดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของฝั่งกัมพูชา มาเสียชีวิตในพื้นที่ภาคอีสานของไทยอย่างต่อเนื่อง จึงสงสัยว่า เมื่อไหร่รัฐบาลจะให้ความสำคัญกับเรื่องการกดปราบข้ามชาติอย่างจริงจัง จะต้องไม่เป็นเครื่องมือ ทางการเมืองของประเทศอื่นๆโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านของเรา

กฎหมายและประเพณีปฏิบัติระหว่างประเทศ ที่ยึดมั่นอยู่แล้วเป็นหลักการไม่ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนหรือผู้ลี้ภัยทางการเมืองกลับประเทศ โดยเฉพาะมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหายหรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย ที่ระบุว่าไทยไม่สามารถผลักดัน คนที่หนีการประหัตประหาร กลับไปที่ประเทศต้นทางได้

อ่านข่าว : “ลิม กิมยา” แห่งพรรค CNRP ของกัมพูชา

แต่ที่ยิ่งเลวร้ายกว่าคือการปล่อยให้ มีการประหัตประหารในพื้นดินไทย ซึ่งไทยผิดทั้งกฎหมายในประเทศ และหลักการระหว่างประเทศ ทั้งนี้ยังบอกไม่ได้ว่าเหตุการณ์ยิงครั้งนี้เป็นการกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ จะต้องสืบสวนสอบสวนอย่างโปร่งใส

นายกัณวีร์​ ยังเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี​ ว่าการคุ้มครองระหว่างประเทศโดยเฉพาะผู้ลี้ภัยในประเทศไทย​ แม้ว่าไทยจะยังไม่ลงสัตยาบัน ในอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัย แต่เรามีทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและในประเทศ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ซึ่งอย่างไรต้องรับผิดชอบอยู่แล้วเพราะมีคนมาเสียชีวิตในประเทศไทย แต่ต้องขยายความให้ได้ว่าเขาเป็นผู้ลี้ภัยจริงหรือไม่​ แต่เราต้องให้ความคุ้มครองคนที่อยู่ในประเทศไทยไม่ว่าเขาจะสัญชาติอะไร

การที่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองมาเสียชีวิตในประเทศไทยมีมานานแล้ว เรื่องก็เงียบมานานแล้ว เพราะฉะนั้นจะต้องไม่เงียบอีกต่อไป

อ่านข่าว : "อังคณา" จี้นายกฯ อย่านิ่งเฉยปมยิงอดีต สส.กัมพูชา ดับกลางกรุง

พรรคประชาชน จี้ รัฐบาลเร่งตามมือยิง "ลิม กิมยา"

นายปิยรัฐ จงเทพ สส.พรรคประชาชน ระบุว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ใช่เพียงเพราะว่านายลิม กิมยา เป็นอดีต สส.ของกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นนักเคลื่อนไหวที่มีบทบาทอยู่ และมีประเด็นที่อาจจะทำให้สังคมตั้งคำถาม ถึงมูลเหตุจงใจในถูกลอบสังหาร และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศไทย

ดังนั้นในฐานะ สส.ของกรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ในฐานะคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน ของสหประชาชาติ ต้องเร่งกอบกู้ความเชื่อมั่นด้านความมั่นคง ปลอดภัยและความยุติธรรมกลับมาสู่สายตาคนไทย และชาวโลก โดยเร็วที่สุดก่อนที่สังคมโลกจะมองไทย เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน และเป็นศูนย์กลางของขบวนการก่ออาชญากรรม โดยใช้ประเทศไทยเป็นเส้นทางผ่าน

เช่น การลักลอบค้ายาเสพติด การก่อเหตุอุ้มฆ่า ลักพาตัวหลอกล่อเพื่อการค้ามนุษย์ และลอบสังหาร รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการอย่างเอาจริงเอาจังในการปราบปราม ขบวนการอาชญากรรมเหล่านี้ อย่างเด็ดขาด และสิ้นซาก

รวมทั้งเร่งติดตามคนร้ายมาลงโทษโดยเร็วที่สุด เพราะหากจับคนร้ายไม่ได้ต้องมีคำถามตามมาอีกมาก ไม่ใช่แค่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่รวมถึงนายกรัฐมนตรี ก็ต้องตอบเรื่องนี้เพราะ อดีต สส.คนนี้เป็นนักเคลื่อนไหว และนักการเมืองที่เคยออกมาอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการคอรัปชันของฮุนเซน และปัจจุบันยังคงมีบทบาทเคลื่อนไหวอยู่แต่กลับมาถูกยิงกลางกรุงเทพถือว่าอุกอาจมาก

อ่านข่าว :

ออกหมายจับ "จ่าเอ็ม" มือยิง "ลิม กิมยา" อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา